นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ เป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศในเอเซียดีขึ้น โดยเฉพาะ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทยด้วย สะท้อนได้จากค่าประกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (ซีดีเอส) ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นปัจจัยบวกหนุนให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น และส่งผลกระทบให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น   “ค่าซีดีเอส เปรียบเหมือนค่าธรรมเนียมในการลงทุน ที่ยิ่งลด ยิ่งดี เมื่อเทียบจาก 22 พ.ค. กับ 22 ก.ค.ปีนี้ หรือช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ค่าซีดีเอสของไทยลดลงลดลง 0.28% จาก 1.335% เหลือ 1.055% ขณะที่มาเลเซียลดลง 0.12% จาก 0.971% เหลือ 0.853% และฟิลิปปินส์ลดลง 0.75% จาก 0.952% เหลือ 0.880% สะท้อนความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น และแม้ว่านักลงทุนต่างชาติมองการลงทุนในภูมิภาคเอเซียโดยรวมดีขึ้นก็ตาม แต่มองไทยดีขึ้นเป็นพิเศษ ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่มุมมองที่ดีจะสะท้อนถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เพราะเงินลงทุนเริ่มไหลกลับเข้ามาเพิ่มขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ลดลงไปพอสมควร”   ทั้งนี้ เมื่อมีเงินกลับมาลงทุนอีก ก็เป็นธรรมดาที่จะสะท้อนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่ทั้งนี้ เงินบาทยังแข็งค่า รองลงจากเงินรูเปียร์ของอินโดนีเซีย ไม่ได้แข็งค่าที่สุดในภูมิภาค โดยหากเทียบตั้งแต่ตั้นปีถึง 23 ก.ค. เงินบาทแข็งค่าขึ้น3% แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่า เงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ทั้ง 2 ทิศทาง จากการเปลี่ยนแปลงทั้งจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ แต่ช่วงนี้ เงินบาทจะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงจากปัจจัภายนอกได้มากกว่าปัจจัยภายในประเทศ จึงเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว แต่ทั้งนี้ไม่อยากให้มองเงินบาทในระยะสั้น ๆ หรือวันต่อวัน แต่ต้องมองระยะยาวด้วย แต่ในส่วนของธปท.ยืนยันว่าจะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนจนมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจการส่งออก

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ต่างชาติมั่นใจศก.ไทยดันบาทแข็ง

Posts related