นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการส่งเสริมการลงทุน  ได้ประชุมพิจารณาโครงการลงทุนในเดือน ต.ค. แล้วจำนวน 115โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 102,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการพิจารณากลั่นกรองโครงการ เพื่อนำเสนอที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)   เป็นประธานพิจารณาอนุมัติครั้งต่อไป รวม 24 โครงการ เงินลงทุนกว่า  90,000  ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีมูลค่าโครงการมากกว่า 750 ล้านบาท  เช่น การผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) ระยะที่ 2 และโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าชธรรมชาติ  นอกจากนี้ยังพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนกิจการขนาดเล็ก และขนาดกลาง ที่มีขนาดเงินลงทุนไม่เกิน 750 ล้านบาท ซึ่งคณะอนุกรรมการฯบีโอไอ มีอำนาจอนุมัติ โดยไม่ต้องเสนอบอร์ดบีโอไอ  จำนวน 91 โครงการ เงินลงทุนรวม 12,425 ล้านบาท ซึ่งกระจายหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กิจการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล กิจการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัด กิจการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายของประเทศ และบีโอไออยู่ระหว่างกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมของประเทศ            ขณะเดียวกันได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตเครื่องผลิตน้ำมันจากพลาสติกและเครื่องคัดแยกขยะ รวมทั้งกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกในด้านแผงวงจรพิมพ์และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ โทรคมนาคม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งผู้ประกอบการมีแผนจะเข้ามาผลิต เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด เครื่องปั้มหัวใจ เครื่องวิเคราะห์ก๊าชในปอด เครื่องวิเคราะห์ระบบประสาท ในไทย รวมทั้งได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุน กิจการที่มีการใช้วัตถุดิบในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล  อาทิ การแปรรูปจากผลิตยางในโครงการผลิตเส้นยางยืด การผลิตยางแท่งและหรือยางผสม การผลิตถุงมือยางสังเคราะห์   “ที่ผ่านมา บีโอไอได้เร่งพิจารณาโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการทำงานของคณะอนุกรรมการฯและคณะทำงานฯ ซึ่งสามารถอนุมัติหรือไม่อนุมัติโครงการที่อยู่ภายใต้อำนาจการพิจารณาได้ทันที โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 คณะได้มีการประชุมเพื่ออนุมัติโครงการส่งเสริมการลงทุนทุกสัปดาห์  ซึ่งมีส่วนช่วยให้สามารถเร่งให้การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ  และขณะนี้นักลงทุนมีความาเชื่อมั่นขอลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่า ทิศทางการลงทุนจะยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ภาพรวมการลงทุนของไทยปีนี้อาจสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 700,000 ล้านบาท”   

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บีโอไอชงประยุทธ์ ไฟเขียว 24 โครงการ9หมื่นล.

Posts related