รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ในฐานเป็นประธานที่ประชุม ได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. หารือกับ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ในโครงการรับจำนำข้าวที่มีอยู่กว่า 680,000 ล้านบาทใหม่ โดยเร่งด่วน ซึ่งให้สรุปยอดข้าวที่อยู่ในสต๊อก เพื่อตีเป็นมูลค่าที่คาดว่าจะขายได้ แล้วเอามาลบกับยอดหนี้ที่กู้มาแบบเทอมโลนทั้งหมด และต้องสรุปเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว คาดว่าน่าจะนำเข้าหารือที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ปลายเดือนต.ค.นี้ทั้งนี้ เงินกู้ที่เหลือที่เป็นส่วนต่าง โดยให้ สบน. ทำให้การออกพันธบัตร เพื่อมาแปลงหนี้เทอมโลนดังกล่าว ให้เป็นหนี้ระยะยาว ส่วนหนึ่ง เพื่อใช้หนี้คืน ธ.ก.ส. ในส่วนที่มีผลขาดทุนเกิดขึ้น และอีกส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการลดภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เนื่องจากหนี้ที่กู้มาแบบเทอมโลน จะมีภาระดอกเบี้ย ทั้งส่วนที่ต้องจ่ายให้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ เฉลี่ยที่ 3% และค่าบริหารจัดการที่ต้องจ่ายให้ ธ.ก.ส. ในอัตราเอฟดีอาร์บวก 1 หรือที่ 4%นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติโครงการสินเชื่อสีเขียว (กรีนเครดิต) วงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยปล่อยสินเชื่อกับเกษตรกรทำเกษตรกรรมปลอดสารพิษและชุมชนผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ด้านอาหารปลอดภัย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ปล่อยสินเชื่อให้กับบุคคลรายย่อยเพื่อการผลิต รายละไม่เกิน 100 ล้านบาท ดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) เท่ากับ 7% และปล่อยสินเชื่อกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ชุมชน รายละไม่เกิน 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) เท่ากับ 5% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.57- 31 มี.ค. 60อย่างไรก็ตาม หากบุคคลรายย่อยที่เป็นเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์ ชำระหนี้ได้ตามกำหนด และได้ใบรับรองด้านเกษตรอินทรีย์ ธ.ก.ส.จะพิจารณาคืนเงินในส่วนของดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภท ที่ 1% โดยเวลาการชำระหนี้ขึ้นอยู่กับการผลิตของแต่ละราย เช่น ระยะสั้น จะออกให้เกษตรกรที่ทำการผลิตตามฤดูกาลผลิต ส่วนระยะยาว จะออกให้กับเกษตรกรที่สร้างขีดความสามารถการลงทุนที่ต้องคืนทุนมากกว่า 5 ปีขึ้นไป“หากโครงการกรีนเครดิตด้านอาหารปลอดภัย ที่เป็นโครงการนำร่องนี้สำเร็จ ธ.ก.ส.ก็พร้อมขยายโครงการไปยังด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ด้านพลังงานทดแทน เพื่อเป็นการลดต้นทุน และให้เกษตรกร และชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้รวบรวมยาง 10,000 ล้านบาท ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการช่วยเหลือในภาวะที่ราคายางตกต่ำ จากที่ปล่อยกู้ให้สหกรณ์กองทุนชาวสวนยาง สหกรณ์การเกษตร และกลุ่มเกษตรกร เพิ่มไปยังวิสาหกิจชุมชนให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้สำหรับที่ผ่านมา มีสหกรณ์ทยอยขอสินเชื่อไปแล้วจนถึงสิ้นเดือนก.ย.กว่า 4,000 ล้านบาท จากที่ได้ตั้งเป้าหมายเดือนก.ย.57 วงเงิน 6,880 ล้านบาท เดือน ต.ค.อีก 2,000 ล้านบาท และเดือนพ.ย.อีก 1,000 ล้านบาท มีระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตามโครงการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.57 – 30 มิ.ย.58 กำหนดคืนเงินกู้ไม่เกิน 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4% โดยสหกรณ์จะรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 1% ต่อปี และรัฐบาลอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ให้ 3% ต่อปี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สั่งธ.ก.ส.รีบสางหนี้รับจำนำข้าว

Posts related