shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ธุรกิจ SME

5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์

5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์

5 เทคนิคที่เราแนะนำนี้ เราแบ่งปันให้คุณนำไปใช้สำหรับประเมินว่าชื่อ Website ของคุณ ดูดีหรือยัง น่าเชื่อถือ ลูกค้าจำได้ง่าย และไม่ผิดลิขสิทธิ์ของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์มาก เราแนะนำให้คุณปฏิบัติตามข้อแนะนำนี้ ในการตั้งชื่อ Blog หรือ Website ของคุณ

ซึ่งคุณจะพบว่าปัญหา และเรื่องปวดหัวอื่นๆ จะหมดไป เช่น อยู่ดีๆ Website ของคุณก็เปิดไมได้ เพราะ Server ต้นทางมันขัดข้อง หรือลูกค้าที่เคยใช้บริการ Website ของคุณ อยู่ดีๆ ก็เข้าผิด Website และไปใช้บริการของ Website คู่แข่งที่ตั้งชื่อคล้ายกัน

 

หากคุณมี Website ของคุณแล้ว ก็ลองเช็คดูว่า Website ของคุณใช้เทคนิคทั้ง 5 นี้หรือเปล่า ถ้ายังไม่ได้ใช้ และ Website ของคุณก็อยู่ตัวและมีลูกค้าแล้ว ก็คงจะต้องปล่อยให้มันเลยตามเลย แต่ถ้า Website ของคุณ ยังทำไม่เสร็จดี หรือไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย

คุณอาจจะต้องพิจารณาเปลี่ยนชื่อ Website คุณใหม่ และลองใช้เทคนิคของเรา หรือเมื่อคุณตั้งใจจะทำ Project ใหม่ หรือสร้าง Website ใหม่ของคุณ และคุณมองว่าเทคนิคที่เราให้ไปนั้น สมเหตุสมผล และน่าจะ Work ก็ลองใช้ดูใน Project ใหม่ๆ ของคุณละกัน

1. ธุรกิจ ออนไลน์ ควรมี Web Hosting ของตัวเอง

คุณอาจจะสงสัยว่านี่เป็นบทความเกี่ยวกับการตั้งชื่อ Website แล้ว Web Hosting มาเกี่ยวอะไรด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตั้งชื่อ Website แต่อย่างไรก็ตาม Website ของคุณควรจะใช้ Web Hosting ที่เป็นของคุณเอง

ถึงบรรทัดนี้ บางคนอาจจะงง ไม่เข้าใจ หรือไม่เคยรู้ว่า Website แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Website ที่แปะอยู่บน Website ของคนอื่น และ Website ที่แปะอยู่บน Web Hosting ของเราเอง แบบแรก ก็เช่น แปะอยู่บน blogspot, blogger, bloggang, weloveshopping, oknation และตัว google เองก็มีให้ไปแปะอยู่เช่นกัน

ซึ่งเป็นการใช้ Server หรือพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลจาก Website นั้นๆ ส่วนแบบที่สอง ก็เช่น Website อย่าง janejud.com ที่คุณกำลังอ่านอยู่ หรือ kapook.com, sanook.com, pantip.com และ amazon.com  ก็เป็นแบบที่ 2

ซึ่งจริงๆ แล้ว การสร้าง Website แบบที่ 1 นั้น ง่าย และฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราแนะนำให้สร้างเป็นแบบที่ 2 จะดีกว่าด้วย 3 เหตุผลคือ

  • Domain Name หรือ URL ของ Website คุณ
    โดยปกติแล้ว ถ้าคุณไปแปะไว้กับ Website ของคนอื่น URL ก็อาจจะออกมาหน้าตาแบบนี้ janejud.blogspot.com แทนที่จะเป็น janejud.com ทำให้ Website ดูไม่เป็นมืออาชีพ เหมือนยืมจมูก blogspot.com หายใจ และเวลาที่ลูกค้าของคุณมีการบอกต่อ ก็อาจจะจำไม่ได้ด้วยว่า มันอยู่กับ blogspot, blogger หรือ bloggang กันแน่
  • บน Web Hosting ของคุณ คุณจะทำอะไรก็ได้
    ถ้าคุณแปะอยู่กับ Website ของคนอื่น คุณจะมีข้อจำกัดบางอย่างในการแก้ไข Website ของคุณ เพราะมีชื่อบริษัทของเค้าอยู่ด้วย การแก้ไข รูปแบบ Design บางเจ้าแม้แต่สีของ Background ก็ถูกจำกัด  หรือเนื้อหาบางหัวข้อ เค้าอาจจะห้ามคุณเขียนก็ได้ แต่ถ้าเป็น Web Hosting ของคุณเอง ข้อจำกัดที่คุณมี ก็คงเป็นแค่จินตนาการของคุณเท่านั้น
  • เนื้อหา หรือ Content ที่อยู่บน Website มันเป็นหยาดเหงื่อของคุณนะ
    สิ่งที่เรากลัวที่สุดในการแปะอยู่บน Website ของคนอื่นก็คือ ถ้าอยู่ดีมันเจ๊งหรือเลิกให้บริการแล้วล่ะ อย่าง Geocities ที่เคยโด่งดังมากในอดีต ตอนนี้ก็เหลือแต่ชื่อ แล้วเนื้อหาที่บางคนเคยเขียนอยู่บน Website ที่อยู่กับ Geocities ล่ะ คงจะหายไปตลอดกาล เนื้อหาที่เขียนบน Website ของบางคนอาจจะมากพอที่จะรวมเป็นเล่มขายได้เลยทีเดียว ฉะนั้น Content ที่อยู่บน Website อาจจะ ไม่ใช่ ของคุณจริงๆ ถ้ามันไม่ได้อยู่บน Web Hosting ของคุณ

สำหรับที่จด Domain และ Web Hosting เรามักจะใช้บริการจาก Bluehost.com  เพราะว่าเป็น Web Hosting ที่ WordPress แนะนำ และมีบริการ “one-click WordPress blog install” หรือ “ติดตั้ง WordPress ง่ายคลิ๊กเดียว” ซึ่งโดนใจเราตั้งแต่ที่เปิดเข้าไปเจอ

และถ้าคุณรู้สึกว่า WordPress ใช้ยาก ไปลากโน่น ลากนี่มาใส่ จาก Dreamweaver ดีกว่า คุณก็ลองเข้าไปดู Video นี้ ซึ่งบอกวิธีการสร้าง Website ใน WordPress เขียน Content และแปะรูป ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที

2. ถ้าเลือกได้ควรจะมีคำ Keyword อยู่ในชื่อ Website

Read the rest of this entry »

Posts related

 














5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว

5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว

สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นักธุรกิจ หรือผู้ประกอบการ มักจะละเลยไป เมื่อเริ่มต้นธุรกิจ สร้างความสำเร็จในธุรกิจได้บ้าง หรือแม้แต่เป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่แล้วก็เถอะ บางคนยังหลงลืมสิ่งที่ควรจะต้องหลีกเลี่ยงในการทำธุรกิจไป

ทั้ง 5 ข้อที่ต้องหลีกเลี่ยงนี้ เหมาะสำหรับ คนที่เป็นนักธุรกิจทั่วๆ ไป แต่บางข้ออาจจะไม่เหมาะกับ คนที่เป็นนักธุรกิจที่เก่งฉกาจ ระดับเทพจริงๆ สำหรับเทพยดาเหล่านี้ อาจจะละเลยบางข้อได้ แต่ก็ไม่ควรจะละเลยทั้งหมด โดย ทั้ง 5 ข้อนี้ เริ่มจาก

1. มั่นใจในตัวเองมากเกินไป

“Don’t be cocky. Don’t be flashy. There’s always someone better than you.”

Tony Hsieh

“อย่าทะนงตน อย่าคุยโตโอ้อวด จงจำไว้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า” เป็นคำพูดของ Tony Hsieh นักธุรกิจ ผู้เป็นหนึ่งใน Co-Founder และ CEO website www.Zappos.com

ความมั่นใจในการทำอะไรซักอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามั่นใจมากเกินไปอาจจะส่งผลเสียได้ เพราะคนๆ นั้น จะละเลยความเสี่ยงบางอย่างที่ต้องเผชิญ และกลายเป็นคนที่มองเหรียญเพียงด้านเดียว

นอกจากนี้ คนๆ นั้นจะฟังคนรอบตัวน้อยลง รับฟังความคิดเห็นของหุ้นส่วน หรือจากลูกน้องน้อยลง การตัดสินใจจะเต็มไปด้วย ความคิดที่ว่า “ข้าใหญ่ ข้าแน่ เอ็งจะไปรู้อะไร” อาจจะนำไปสู่ การลงทุนที่ไม่คุ้มค่า หรือการตัดสินใจทางธุรกิจที่นำไปสู่ความล่มจม

2. กำจัดทุกคนที่ขวางทาง

“Walking with a friend in the dark is better than walking alone in the light.”

Helen Keller

“ร่วมทางกับมิตรสหายในที่มืด ดีกว่าเดินทางอย่างเดียวดายในที่แจ้ง” เป็นคำพูดของ Helen Keller นักเขียน และนักเคลื่นไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ชาวอเมริกัน ผู้พิการทั้งตาบอด และหูหนวก ตั้งแต่อายุ 19 เดือน

ซุนวู เคยกล่าวไว้ว่า วิธีชนะศึกที่ดีที่สุด คือ “การชนะโดยไม่ต้องรบ” อาจจะด้วยการฑูต หรือวิธีอื่นก็แล้วแต่ สิ่งที่พยายามจะสื่อในข้อนี้ คือ ขอให้คุณหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมงานของคุณ หรือบริษัทคู่แข่งก็ตาม

ในแง่ของความขัดแย้งกับผู้ร่วมงานของคุณ ขอให้คุณพูดคุยกันด้วยเหตุผล และให้เห็นประโยชน์ของธุรกิจเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่จ้องแต่จะพูดเพื่อเอาชนะผู้ร่วมงานของคุณอย่างเดียว มันจะกลายเป็น “ชนะศึก แต่ชนะสงคราม”

ส่วนการสู้กับคู่แข่ง มันคงจะสร้างสรรค์กว่า ถ้าแข่งกันด้วย จุดเด่น หรือคุณภาพของสินค้า ไม่ใช่จะทำให้คู่แข่งออกจากตลาดไป เพราะว่าคุณตัดราคาแล้วทำให้เค้าอยู่ไม่ได้ เพราะที่สุดแล้ว คุณจะโดนธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำกว่า ตัดราคาและทำให้คุณเจ๊งเช่นกัน

3. อย่าทำให้ตัวคุณเป็นระบบเสียเอง

“It’s all about quality of life and finding a happy balance between work and friends and family.”

Philip Green

Read the rest of this entry »

7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด

7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด

เทคนิคที่นำมาบอกเล่าทั้ง 7 ข้อนี้ ไม่เพียงทำให้ธุรกิจ SME เติบโตได้อย่างเป็นระบบแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจ อยู่รอดได้ในภาวะวิกฤต และมีสิทธิพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ด้วย

1. ทำค่าโสหุ้ยของ ธุรกิจ SME ให้ต่ำเอาไว้

“Cash is King”
Anonymous

“เงินสด คือ พระราชา” เป็นคำพูดของนิรนาม

เงินสด คือ เส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่ระดับโลก หรือเล็กระดับรถเข็นขายของ ซึ่งการที่ธุรกิจของคุณยังเป็นธุรกิจ SME หรือธุรกิจขนาดเล็กอยู่

สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ คือ รักษาเงินสดไว้ใช้ในยามวิกฤตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวิธีที่เหมาะสม คือ การทำให้ค่าโสหุ้ยต่ำเข้าไว้ เช่น ถ้าคุณเริ่มทำธุรกิจโดยมีพนักงานแค่ 5 คน ก็คงไม่จำเป็นต้องเช่าสำนักงานขนาด 20 คน

หรือเปิดหน้าร้าน ก็คงไม่ใช่การซื้อขาดไปเลย แต่คุณควรจะลองเช่าดูก่อนซัก 3 เดือนเพื่อดูว่าธุรกิจของคุณเป็นอย่างไร ไปไหวมั้ย

2. Outsource ในสิ่งที่เราไม่ถนัด

“I will do my best. That is all I can do. I ask for your help – and God’s.”
Lyndon B. Johnson

“ผมจะทำในส่วนของผมให้ดีที่สุด นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำได้ นอกเหนือจากนั้นผมคงต้องขอให้คุณและพระเจ้าช่วยผม” เป็นคำพูดของ Lyndon B. Johnson อดีตประธานาธิบดีของอเมริกา

ทรัพยากรที่คุณมีในธุรกิจของคุณ มีอยู่อย่างจำกัด คุณจำเป็นต้องใช้มันอย่างรอบคอบ ถ้าวันนี้บริษัทคุณเพิ่งจะเริ่มต้น การจ้างพนักงานมาทำบัญชี จ้างนักกฎหมายมาดูสัญญาระหว่างคุณกับคู่ค้า หรือเปิดโรงงานเอง คงจะเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น

การจ้างพนักงานทำบัญชีในช่วงเริ่มแรก เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก เพราะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กนั้น ค่าใช้จ่ายนี้เพียงแค่ 2-3 หมื่นบาทต่อปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับจ้างพนักงานบัญชีเดือนละ 8,000 บาท

ส่วนเรื่องสินค้าคุณก็ควรจะจ้างคนอื่นผลิตก่อน เพราะคุณยังไม่รู้เลยว่าสินค้าคุณจะขายได้หรือเปล่า ถ้าลงทุนเปิดโรงงานไปเป็นล้านบาท สุดท้ายขายของไม่ได้ เงินคุณจะจมไปกับโรงงาน กลับตัวก็ไม่ได้ เปลี่ยนไปขายอย่างอื่นก็ไม่ได้ เจ๊งสถานเดียว

3. ทำการตลาดผ่านสื่อยุคใหม่

“I just think that we’re capable of so much more;

we don’t utilize all our capacity like we should.”

Marcus Allen

“ผมคิดว่าเรามีความรู้ และความสามารถ ที่จะทำอะไรตั้งมากมาย แต่เราไม่ยอมใช้มันให้เต็มศักยภาพ อย่างที่มันควรจะเป็น” เป็นคำพูดของ Marcus Allen ยอดนักอเมริกันฟุตบอล ตำแหน่ง Running Back หรือตัววิ่ง ชาวอเมริกัน

เช่นเดียวกับ 2 ข้อแรก เพื่อเป็นการรักษาเงินสดให้อยู่กับคุณ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าการโฆษณา และทำการตลาดจะมีความสำคัญ ต่อการผลักดันสินค้าจากคุณ ไปสู่ผู้บริโภคได้

แต่จะดีกว่าไหม ถ้าวันนี้คุณทำการตลาดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาถูก และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ผ่านทางสื่อยุคใหม่ นั่นคือ Internet ซึ่งรวมถึงการเขียน Blog ขึ้นมาเพื่อทำ Review นำเสนอสินค้าของคุณ

หรือใช้ Social Network ให้เป็นประโยชน์ มีการสร้างหน้า Fan Page ขึ้นมาให้ Facebook มีการใช้ Twitter เพื่อส่งข่าวสาร เกี่ยวกับสินค้าของคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สามารถทำได้โดยแทบไม่ต้องใช้เงินเลย และยังช่วยนำเสนอสินค้าของคุณได้เป็นอย่างดี

4. จัดตั้งบริษัทไว้ล่วงหน้า

“By failing to prepare, you are preparing to fail.”
Benjamin Franklin

Read the rest of this entry »

Page 9 of 10:« First« 6 7 8 9 10 »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file