นายกานต์  ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงอย่างมาก คาดว่าจะเติบโต 0-3%เท่านั้น จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ถึง 4% หลังจากที่เกิดสูญญากาศทางการเมือง ที่กดดันทำให้ภาคการลงทุนต้องชะลอตัวออกไป โดยเฉพาะการลงทุนจากภาครัฐ ดังนั้น จึงจะหันไปรุกธุรกิจปิโตรเคมีแทน เนื่องจากมีความต้องการปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ประกอบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ทำให้บริษัทมีส่วนต่างราคา (สเปรด) สูงตามไปด้วย และมีผลทำให้ครึ่งปีหลังนี้ จะปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้จากยอดขายปีนี้ใหม่อีกครั้ง จากปัจจุบันที่คาดว่าจะมี476,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%   นอกจากนี้ได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ เพื่อเน้นรายได้จากการส่งออกให้มากขึ้น หลังการลงทุนในประเทศชะลอตัวลง ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 25-26%ในปี 56 เป็น 27-28%ในปีนี้ หรือส่งออกปูนซิเมนต์เกือบ 5ล้านตัน โดยเน้นตลาดในแถบภูมิภาคอาเซียน ที่ยังมีความต้องการสูง เพื่อพัฒนาประเทศ อีกทั้งมีแผนที่จะซื้อกิจการต่างประเทศเพิ่ม ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ขณะนี้กำลังเจรจาอยู่กว่า 5 แห่ง คาดว่าภายในครึ่งปีแรกนี้จะได้ข้อสรุปอย่างน้อย1 แห่ง โดยใช้เงินในงบลงทุนรวมปีนี้ที่วางไว้ 50,000-60,000ล้านบาท นายกานต์ กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้เห็นชอบกับโครงการลงทุนใหม่ มูลค่า 11,825 ล้านบาท ในธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและธุรกิจกระดาษ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท ในการเป็นผู้นำการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน เช่น ตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศลาว มูลค่า 10,000ล้านบาท ปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อผลิตกระดาษในไทย มูลค่า1,825 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมานั้น มีกำไรสุทธิ8,380.58 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.98 บาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 8,796 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น7.33 บาท และมีรายได้จากการขาย 121,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น11% ตามการเติบโตของทุกธุรกิจ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปูนซิเมนต์ไทยเบนเข็มบุกปิโตรเคมี

Posts related