นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดสถาบันยานยนต์ว่า  ขณะนี้ต้องติดตามการผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วง 4 – 5ปีที่ผ่านมา ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเติบโตขึ้นทั้งด้านการผลิต และตลาดในประเทศที่มีอัตราเฉลี่ย 27% ต่อปี  ซึ่งในปี 52 อินโดนีเซียสามารถผลิตรถยนต์ได้เพียง 464,816 คัน แต่ปี 56 ผลิตรถยนต์ได้ถึง 1,208,211 คัน  ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของอาเซียนในปีนี้ สถาบันฯ ได้ประเมินว่า จะขยายตัว 5% โดยไทย ยังเป็นผู้ผลิตรถอันดับ 1 มีสัดส่วนการผลิต คิดเป็น 50% ของกลุ่มอาเซียน    “ตลาดภายในของอินโดนีเซียใหญ่มาก คือ ผู้บริโภคเยอะกว่าไทยหลายเท่าตัว หลายคนจึงกังวลว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอินโดนีเซียที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี อาจแซงหน้าไทยในอนาคต แต่ เรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะตราบใดที่ไทยยังสามารถทำให้ผู้ประกอบการใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตต่อไป และโครงสร้างพื้นฐานของไทยยังได้เปรียบกว่าอินโดนีเซีย โดยเฉพาะความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ในภาพรวม จึงถือว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยมีอนาคตแต่ต้องไม่ประมาทเท่านั้น” ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 56  เริ่มผลิตเริ่มลดลง เมื่อเทียบกับปี 55  โดยรวมอยู่ที่ 2.46 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 0.14% เนื่องจากปี 55 มีโครงการรถยนต์คันแรก และมีการผลิตชดเชยในช่วงน้ำท่วมในปี 54  ส่วนตลาดในประเทศลดลง 7% โดยมีปริมาณการจำหน่ายอยู่ที่ 1.33 ล้านคัน แต่ยังอาศัยการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 10% ที่จำนวน 1.23 ล้านคัน   รายงานข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  กล่าวว่า จากการหารือกับค่ายรถยนต์ทุกค่ายในประเทศไทยประมาณการว่า ยอดการผลิตรถยนต์โดยรวมในปี 57 จะมีการผลิตทั้งสิ้น 2.4 ล้านคัน มีจำนวนต่ำกว่าปี 56 ประมาณ 50,000 คัน เนื่องจากไม่ต้องผลิตรถยนต์ป้อนโครงการรถคันแรกเหมือนกับปีที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้จะเป็นการผลิตเพื่อส่งออกประมาณ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 7.14% ที่มียอดส่งออก 1.12 ล้านคัน และเป็นการขายในประเทศประมาณ 1.2 ล้านคัน ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา 130,000 คัน หรือลดลงประมาณ 11%   ขณะที่การส่งออกต่างประเทศนั้น คาดว่าจะมีจำนวน 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 80,000 คัน มีอัตราการเติบโตแทบทุกภูมิภาค โดยตลาดสหรัฐฯค่อยๆ ดีขึ้น แต่ยังไม่มากนักรถยนต์ของไทยมีสัดส่วนตลาดส่งออกประมาณ 2.7-2.8% ตลาดยุโรป ยอดขายรถยนต์ดีขึ้นตั้งแต่กลางปีก่อนต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ ตลาดประมาณ 7% ตลาดแอฟริกาโตขึ้นมากในปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5% จากเดิม 3% ตลาดตะวันออกกลางก็ยังคงเติบโต มีส่วนแบ่งตลาด 28% ด้านตลาดออสเตรเลียยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20%  เพราะในปี 2560 จะยกเลิกการผลิตรถยนต์ภายในประเทศทั้งหมด เนื่องจากไม่สามารถสู้ในเรื่องต้นทุนได้ จึงเป็นโอกาสที่ดีของการผลิตรถยนต์จากไทย  อย่างไรก็ตาม ตลาดในเอเชียยังคงทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนตลาดส่งออกประมาณ 25%   

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หวั่นอินโดผลิตรถยนต์แซงไทย

Posts related