นายณัฐจพนธ์ ภูมิเวียงศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำใน 2เขื่อนหลักได้แก่ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตติ์ มีปริมาณน้ำค่อนข้างต่ำโดยเขื่อนภูมิพลเฉลี่ยเหลือ 54% ของความจุกักเก็บทั้งหมดส่วนเขื่อนสิริกิตติ์เหลือ 52% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาน้ำต้นทุนทั้งสองเขื่อนต่ำอยู่แล้วเพราะฝนตกท้ายเขื่อนทำให้น้ำไหลเข้าเขื่อนน้อย ส่งผลให้ปีนี้กฟผ.จะระบายน้ำจาก 2เขื่อนสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยารวม 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตรจากปกติเฉลี่ยระบาย 5,000ล้านลบ.เมตร จึงอยากให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะเกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยาควรลดการทำนาปรังลง “ทุกปีเฉลี่ย 2 เขื่อนนี้จะระบายรวมกัน5,000 ล้านลบ.เมตรแต่ปีนี้ลดเหลือเพียง 3,000 ล้านลบ.เมตรเพราะน้ำในเขื่อนมีน้อยซึ่งเราได้บริหารร่วมกับกรมชลประทานที่จะดูแลเกษตรกรที่ใช้น้ำในลุ่มเจ้าพระยาซึ่งน้ำที่ปล่อย2 เขื่อนจะปล่อยอัตราเขื่อนละ 15ล้านลบ.เมตรต่อวันซึ่งในอัตรานี้ยอมรับว่าจะเพียงพอไปจนถึงช่วงฤดูฝนคือพ.ค.57ซึ่งสิ่งที่เรากังวลคือ ถ้าปล่อยมากกว่านี้จะกระทบแน่นอน”   อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำใน 2เขื่อนหลักปีนี้ที่มีน้ำน้อยยังไม่ต่ำถึงขั้นวิกฤตเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี2535 ที่ประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนักโดยกฟผ.คาดหวังว่าเมื่อฤดูฝนมาและรักษาระดับการปล่อยน้ำไว้เช่นนี้ได้ก็จะผ่านไปด้วยดีส่วนลุ่มน้ำอื่นๆ พบว่ามีปริมาณน้ำในอ่างในระดับปกติ ทั้งนี้การปล่อยน้ำในเขื่อนเป้าหมายหลักคือการบริหารน้ำเพื่อการเพาะปลูกส่วนการผลิตไฟฟ้านั้นเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นโดยการผลิตไฟจากน้ำคิดเป็นเพียง5-10% ของการใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ   

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กฟผ.เผยเขื่อนภาคเหนือส่อวิกฤติ

Posts related