นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวางแผนเหรียญกษาปณ์ ปี 58 ได้หารือเกี่ยวกับนโยบายที่นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ มอบหมายให้เหรียญกษาปณ์สามารถใช้ได้ระยะยาวมากขึ้น รวมทั้งนโยบายเชิงรุกในการเข้าไปเปิดรับบริการเคลื่อนที่ โดยเฉพาะการเข้าไปรับแลกเหรียญตามสถานที่สำหรับประกอบกิจกรรมทางศาสนา หรือ วัด เนื่องจากฝ่ายวิจัยพบว่าจำนวนเหรียญกษาปณ์ค้างอยู่ในสถานที่ดังกล่าวจำนวนมาก เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีความนิยมใช้เหรียญทำบุญกันมากขึ้น โดยจะจัดส่งเจ้าหน้าที่และรถโมบายเคลื่อนที่ไปตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้ง 76 จัดหวัด ถือเป็นการดำเนินงานที่รวดเร็วในการนำเหรียญมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้ร่วมมือกับบริษัท กรุงไทยกิจบริการ จำกัด (เคจีเอส) ที่เป็นบริษัทในเครือของธนาคารกรุงไทย ให้ดำเนินการจัดส่งเจ้าหน้าที่และรถโมบายเคลื่อนที่ไปตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเข้าไปรับแลกเหรียญได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ถือเป็นครั้งแรกของการจับคู่ธุรกิจในการรับแลกเปลี่ยนเหรียญของสำนักบริหารเงินตรา“ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปรับแลกเหรียญที่วัดพลวง เขาคิชฌกูฏ ได้เหรียญกษาปณ์ มากว่า 15 ล้านบาท เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะเทศกาลนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ ถือเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ของทุกปี ทำให้ประชาชนเดินทางเข้าร่วมไปทำบุญจำนวนมาก”อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนของการรับแลกเหรียญเคลื่อนที่นั้น จะดำเนินงานด้วยการส่งเจ้าหน้าที่พร้อมรถโมบายไปรับเหรียญเพื่อกลับมานับและคัดกรองตรวจสอบเหรียญว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ เนื่องจากเหรียญที่ค้างอยู่ในวัดส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญที่ถูกเก็บไว้เป็นเวลานานตามตู้รับบริจาคต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดการหมุนเวียนมากนัก ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วกว่า แบบเดิมที่ให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการที่กรมธนารักษ์ตามศูนย์กระจายเหรียญกษาปณ์ หรือธนาคารออมสินในต่างจังหวัดขณะที่ เป้าหมายการผลิตเหรียญกษาปณ์ ปี 58 อยู่ที่ 1,750 ล้านบาท มีสัดส่วนการผลิตเพิ่มขึ้นจากการผลิตเหรียญกษาปณ์ของปี 57 ที่ผลิตไว้ 1,200 ล้านบาท เนื่องจากรองรับการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณตามแนวชายแดนเพื่อนบ้านที่คาดว่าจะเกิดการซื้อขายมากขึ้น ภายหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 58 ส่วนการตั้งโรงกษาปณ์ของไทยนั้น อยู่ระหว่างการส่งข้อมูลให้อัยการตรวจสอบ ขั้นตอนและข้อกฎหมายในการผลิตเหรียญเปล่าว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ โดยที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ทำข้อตกลงกับเดอะ รอยัล มิ้น อังกฤษ ให้สามารถแลกเปรียญข้อมูลและนวัตกรรมการผลิตเหรียญให้มีความทันสมัยอีกด้วยสำหรับเหรียญกษาปณ์ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยข้อมูลเมื่อ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา เหรียญกษาปณ์ 25 สตางค์ อยู่ที่ 3,285 ล้านเหรียญ, 50 สตางค์ อยู่ที่ 2,270 ล้านเหรียญ, 1 บาท อยู่ที่ 13,490 ล้านเหรียญ, 2 บาท อยู่ที่ 1,370 ล้านเหรียญ 5 บาท อยู่ที่2786 ล้านเหรียญ และ 10 บาท อยู่ที่ 1,764 ล้านเหรียญ โดยยืนยันว่าเหรียญกษาปณ์ยังเพียงพอต่อความต้องการใช้ในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ในอนาคตกรมธนารักษ์มีแนวคิดที่จะดำเนินการปรับเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ ทั้งขนาด สี และการออกแบบให้สามารถรับรู้ได้มากขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กรมธนารักษ์เดินหน้ารับแลกเหรีญตามวัด

Posts related