มีผู้วิจารณ์ว่าสูตรการตั้งราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นน้ำมันของไทยนั้นไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคเพราะทำให้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯของไทยแพงกว่าราคาน้ำมันที่ประเทศสิงคโปร์ที่เราใช้เป็นราคาอ้างอิง ทั้งนี้เพราะในสูตรราคาที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีการบวกค่าขนส่งจากสิงคโปร์มาไทย ค่าประกัน ค่าสูญหายค่า ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ลงไปด้วยเปรียบเสมือนเรายังนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปมาจากสิงคโปร์ ทั้ง ๆ ที่วันนี้เราไม่ได้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์แล้วแต่นำเข้าน้ำมันดิบโดยตรงมากลั่นเองจากตะวันออกกลาง ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่นค่าขนส่งจากสิงคโปร์มาไทย ค่าประกันสินค้า ค่าสูญหายจึงเป็นค่าใช้จ่ายเทียมที่ไม่เกิดขึ้นจริงและเมื่อรวมกับค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันของไทยให้มีคุณภาพสูงกว่าของประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะสิงคโปร์ (ของไทยเป็นยูโร 4 ในขณะที่ของเพื่อนบ้านเป็นยูโร 2 หรือ 3) จึงทำให้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯของไทยแพงกว่าสิงคโปร์ถึง 2 บาทต่อลิตรเลยทีเดียว ข้อสังเกตนี้ต้องยอมรับว่าตั้งอยู่บนหลักการที่ถูกต้องกล่าวคือเมื่อเราใช้ราคาที่ตลาดสิงคโปร์เป็นราคาอ้างอิงโรงกลั่นน้ำมันในไทยก็ควรต้องใช้ราคาเดียวกันกับสิงคโปร์เป็นตัวกำหนดราคาหน้าโรงกลั่นฯแต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่แตกต่างกันของทั้งสองประเทศนี้ด้วยคือ ต้องยอมรับว่าค่าขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมาสิงคโปร์ถูกกว่ามาเมืองไทยความสะดวกทางด้านท่าเรือและบริการทางด้านศุลกากรของสิงคโปร์ดีกว่าไทยทำให้ต้นทุนทางด้านนี้ต่ำกว่า ดังนั้นถ้าราคาหน้าโรงกลั่นฯเท่ากันก็หมายความว่าโรงกลั่นฯในประเทศสิงคโปร์ย่อมมีกำไรมากกว่าแล้วใครจะอยากมาลงทุนสร้างโรงกลั่นฯในประเทศไทย อีกประการหนึ่งสำหรับโรงกลั่นในสิงคโปร์มีกำลังการกลั่นรวมกันสูงมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน สร้างขึ้นมาเพื่อส่งออกโดยเฉพาะจึงกลั่นน้ำมันเต็มที่ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำที่สุด ในขณะที่โรงกลั่นของไทยเป็นโรงกลั่นที่สร้างขึ้นเพื่อทดแทนการนำเข้าโรงกลั่นแต่ละโรงมีขนาดไม่ใหญ่มากถึงแม้จะมีกำลังการ กลั่นเหลือก็อาจกลั่นได้ไม่เต็มที่เพราะมีข้อจำกัดด้านการส่งออกดังนั้นต้นทุนต่อหน่วยจึงสูงกว่า แต่ก็ต้องเรียนว่าราคาหน้าโรงกลั่นฯในปัจจุบันก็ไม่ได้สูงกว่าสิงคโปร์ถึงลิตรละ  2 บาท อย่างที่กล่าวอ้างกันแต่อย่างใด โดยถ้าเราเปรียบเทียบราคาน้ำมันเบนซิน 95 เมื่อวันที่ 10 มี.ค. จะพบว่าราคาหน้าโรงกลั่นของไทยอยู่ที่ 25.43 บาทต่อลิตร ในขณะที่ราคา mop สิงคโปร์อยู่ที่ 121.16$/bbl หรือเท่ากับ 24.70 บาทต่อลิตร ต่างกันเพียง 0.73 บาทต่อลิตร และในส่วนของน้ำมันดีเซลของไทยอยู่ที่ 25.92 บาทต่อลิตร ในขณะที่สิงคโปร์อยู่ที่ 24.82 บาทต่อลิตร ต่างกัน 1.10 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เพราะของเราเป็นคุณภาพยูโร 4 และยังผสมไบโอดีเซล (B100) ที่มีราคาแพงกว่าน้ำมันดีเซลลงไปอีก 5% ด้วย อย่างไรก็ตามผมก็เห็นด้วยที่จะมีการทบทวนในเรื่องสูตรราคาหน้าโรงกลั่นฯให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคและข้อสำคัญต้องอยู่บนตัวเลขข้อมูลที่แท้จริงไม่มั่ว หรือบิดเบือนครับ!!.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : การตั้งราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯของไทย – พลังงานรอบทิศ

Posts related