นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงกรณีผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกได้รับเงินคืนล่าช้า หลังจากครอบครองรถยนต์ครบ 1 ปีว่า กรมฯ ได้จ่ายเงินคืนให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในโครงการตามขั้นตอนปกติ แต่ยอมรับว่าอาจล่าช้าในบางพื้นที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง จากการปิดสถานที่ทำงาน ส่งผลให้ข้อมูลที่อยู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้รับปัญหาพอสมควร อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าผู้ที่ได้รับสิทธิ์ทุกรายจะได้รับเงินคืนแน่นอน“ยอมรับว่ากรมฯได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น เนื่องจากถูกปิดสถานที่ทำงาน ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลของผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกอาจตกหล่นหรือล่าช้าไปบ้างโดยอยากขอโทษผู้ที่ได้รับสิทธิ์ และยังไม่ได้รับเงินในโครงการนี้ แต่ยืนยันว่าโครงการนี้มติครม.มารองรับและงบประมาณเพียงพอที่สามารถจะจ่ายเงินให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้ทุกราย”ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมฯ จ่ายคืนเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรกแล้ว 885,557 ราย คิดเป็นวงเงิน 63,359.8 ล้านบาท จากยอดผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 1.25 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 92,178 ล้านบาท ส่งผลให้ยังมีผู้ที่ได้สิทธิ์เหลือ 360,190 ราย คิดเป็นวงเงิน 27,897 ล้านบาทอย่างไรก็ตามการจ่ายคืนเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ ในปี 58 คาดว่าจะเป็นปีสุดท้าย แม้ว่าเดิมมาตรการนี้ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเวลารับรถภายในเมื่อไรก็ตาม เพราะตอนนี้มีผู้ที่ยังไม่มาใช้สิทธิ์รถคันแรก 120,000รายและคาดว่าจะเป็นผู้สละสิทธิเกือบทั้งหมด จึงได้ประสานกับผู้ประกอบการรถยนต์ให้เร่งผู้ซื้อรถมารับรถยนต์ภายในเวลาที่กำหนด หากไม่มาก็ถือว่าสละสิทธิ์ซึ่งกรมฯเตรียมเสนอขอเงินจากงบประมาณปี 58 ที่อยู่ระหว่างการจัดทำอีก 25,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายคืนให้กับผู้ที่ใช้สิทธิฯ“การที่กรมฯของบประมาณปี 58 ได้รวมยอดของรถที่ไม่มาใช้สิทธิ 120,000 รายไว้ด้วย หากผู้ที่ได้สิทธิกลุ่มนี้สละสิทธิ์ทั้งหมด ก็จะทำให้ประหยัดเงินงบประมาณไป 10,000 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ใช้สิทธิฯ มีผู้ได้เงินและถือครองรถยนต์ไม่ถึง 5 ปี ตามที่กำหนดไว้ 400-500 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ได้คืนเงินที่ได้รับไป ให้กับกรมฯ แต่มีอยู่ 4-5 รายเท่านั้น ที่กระทรวงการคลังต้องฟ้องเรียกเงินคืน”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : การเมืองกระทบจ่ายคืนรถยนต์คันแรกสะดุด

Posts related