น.ส.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า   ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือ 1.6% จากเดิมตั้งไว้ว่าเติบโต 2.4 % เป็นผลมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศทำให้ไม่มีรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากเดิมที่คาดว่ามีรัฐบาลชุดใหม่บริหารประเทศภายในไตรมาส 3/57 ของปีนี้ แต่ต้องเลื่อนออกไปเป็นปลายปีทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า โดยเฉพาะงบลงทุนภาครัฐที่จะติดลบ  6.6 %  และมีผลกระทบต่อไปยังการบริโภคภาคครัวเรือนลดลง 0.5% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนติดลบ 2.8% เห็นได้จากตัวเลขการนำเข้าสินค้าทุนเริ่มชะลอตัว  ซึ่งหากปรับลดลงต่อเนื่องจะมีปัญหาต่อเศรษฐกิจได้  ซึ่งการปรับลดจีดีพีในครั้งนี้ ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจลดลง 0.8%  หรือคิดเป็นเม็ดเงินที่หายไป 800,000 ล้านบาท    “การส่งออกที่เคยคาดหวังจะขยายตัวได้ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ไม่เป็นไปตามคาด เนื่องจากสินค้าเกษตรที่ส่งออกลดลง เช่น ยางพารา สินค้าเกษตรแปรรูป แต่คาดว่าจะมีปัจจัยบวกจากการส่งออกรถยนต์ในตลาดรอง คือ ซาอุดิอาระเบีย  มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์  เข้ามาช่วยส่งออก รวมทั้งการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้การส่งออกปีนี้โต 4 % จากเดิมคาดการณ์ว่าโต 5%  และ เชื่อว่าส่งออกยังเป็นตัวช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้” นอกจากนี้ยังมองว่าเศรษฐกิจแม้จะชะลอตัวแต่ยังไม่ถึงขั้นถดถอย เพราะแม้ไตรมาส 1 จีดีพีอาจจะติดลบ 0.3%   แต่เชื่อว่าจีดีพีในไตรมาส 2/57  ทรงตัว และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วหากสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม  มองว่าถ้าจีดีพีเติบโตต่ำต่อเนื่อง จะกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ทั้งความสามารถทางการผลิตและแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : การเมืองพ่นพิษอีไอซีหั่นจีดีพีเหลือ1.6%

Posts related