นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยว่า กรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) จะปรับลดระดับความสัมพันธ์ไทย-อียูลงนั้น ไม่น่าจะกระทบต่อการค้าการลงทุนนัก เพราะมองว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองล้วน ๆ และอียูก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาแซงก์ชั่น หรือคว่ำบาตรการค้าของไทยได้ เพราะผิดกฎขององค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ไทยสามารถฟ้องร้องต่อดับปลิวทีโอได้ทันที“ปัจจุบันไทยส่งออกไปยังตลาดอียูเพียง10%จากมูลค้าการส่งออกทั้งหมดหรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกประมาณปีละ2-3หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ”ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไท ยกล่าวว่า สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาพันธ์ผู้ผลิตสินค้าประมงไทย ได้ชี้แจงความจริงด้านแรงงานไทย ภายหลังที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่รายงานด้านการค้ามนุษย์ประจำปี 57 ซึ่งไทยได้ถูกปรับลดระดับเป็นเทียร์ 3 และหนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษ ได้นำเสนอรายงานเกี่ยวกับการใช้แรงงานในอุตสาหกรรมประมงไทยที่ผิดไปจากความจริง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกุ้งและทูน่า ไม่มีปัญหาแรงงานเด็ก และบังคับแรงานแต่อย่างใด ที่สำคัญทางกลุ่มได้ดูแลสมาชิกเป็นอย่างดีหากสมาชิกรายใดใช้แรงงานไม่ถูกตามกฎหมาย ก็จะถูกให้ออกจากสมาชิก ซึ่งจะไม่สามารถส่งสินค้าออกไปยังสหรัฐและยุโรปได้ทั้งนี้ในวันที่ 1 5ก.ค.นี้จะนำหลักฐานของอุตสาหกรรมกุ้งและทูน่า ไปยื่นให้กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา พิจารณาถอดถอนสินค้าออกจากข้อกล่าวหาการแรงงานเด็ก หรือแรงงานบังคับ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา จะทบทวนการประกาศกลุ่มสินค้าที่เข้าข่ายการใช้แรงงานเด็กในเดือนก.ย.นี้“ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมกุ้งและทูน่า ได้พยายามขจัดขบวนการค้ามนุษย์มาโดยตลอด แต่ก็ต้องยอมรับผลการพิจารณาของสหรัฐในครั้งนี้ ได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไทยอย่างมาก แต่อยากฝากไปยังกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา ให้พิจารณารายละเอียดจากไทยอย่างชัดเจน และเป็นธรรมส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จะต้องรอดูท่าทีการพิจารณาตัดสินใจคว่ำบาตรภายใน 90 วันจากนาย บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่าจะผ่อนปรนหรือไม่”นายชนินทร์ ชริศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมทูน่าไม่มีปัญหาเรื่องของมาตรฐานแรงงาน เนื่องจากในแต่ละปีไทยจะนำเข้าปลาทูน่าจากต่างประเทศ 8-9แสนตัน ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้ามาจากผู้ประกอบการเรือ จากสหรัฐยุโรป ญี่ปุ่น ไต้หวัน ซึ่งประเทศเหล่านี้ดูแลเรื่องมาตรฐานของแรงงานเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมั่นใจว่า อุตสาหกรรมทูน่าจะไม่มีปัญหาแรงงานผิดกฎหมายแน่นอน เพราะหากผิดกฎหมาย ก็แสดงว่าประเทศที่เป็นต้นทางวัตถุดิบ ก็มีปัญหาเรื่องของแรงงานผิดกฎหมายด้วย“อุตสาหกรรมทูน่าไทยใช้แรงงานต่างด้าว 40,000 คนหรือ 80% ที่แรงงานในอุตสาหกรรมนี้ และที่เหลือ 10,000 คนเป็นแรงงานไทย โดยแต่ละโรงงานมีการดูแลผู้ใช้แรงงานถูกต้องตามกฏหมายแรงงานไทย และกฏหมายสากล และที่สำคัญทางสมาคมฯ มีหลักฐานเกี่ยวกับแรงงานมายืนยัน และพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเต็มที่”นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า การส่งออกกุ้งไทยในภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 5740,000 ตันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 45% มูลค่า 16,677 ล้านบาท ลดลง 17% เนื่องจากไทยประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุ เพราะกุ้งเจอโรคตายด่วน (อีเอ็มเอส) และในปีนี้คาดว่า ไทยจะส่งออกกุ้งได้ประมาณ 2แสนตัน โดยมีตลาดหลักในสหรัฐ ยุโรปและ ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาในตลาดยุโรปและสหรัฐผู้ประกอบการไทยก็มีแผนสำรองในการขยายตลาดใหม่เข้ามาทดแทนคือ ตลาดจีน และ รัสเซียซึ่งตลาดเริ่มมีกำลังซื้อสูง“ต้องจับตาว่าสื่อมวลชนสหรัฐฯ จะไปขยายผลในเรื่องนี้มากน้อยแต่ไหน ในในทางกฎหมายสหรัฐฯ ไม่สามารถคว่ำบาตรไทยได้ แต่สื่อเขาประโคมข่าวที่รุนแรงเกินความเป็นจริง ทำให้กระทบต่อภาพพจน์สินค้าของไทย จนทำให้ยอดขายลดลงได้อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้นำเข้าสหรัฐฯนั้น สมาคมพร้อมที่จะให้ทุกบริษัทเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงงา นและฟาร์มกุ้งทุกแห่ง เพื่อให้ผู้ซื้อสหรัฐฯรู้ดีว่า ไทยผลิตกุ้งมีความปลอดภัยสูงในทุก ๆ ด้าน“

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ขู่ฟ้องดับบลิวทีโอกลับ

Posts related