พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เปิดเผยว่า ได้รายงานผลการตรวจสอบโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐที่มีวงเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 28 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 40,000 ล้านบาท ให้กับคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคสช. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา รับทราบ โดยได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละกลับไปทบทวนความเหมาะสมของโครงการ ทั้งเรื่องของแผนงาน การประกวดราคา และราคากลาง จากนั้นจึงเสนอให้คตร.พิจารณา ภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้“ทั้ง 28 โครงการ เป็นโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามรายจ่ายงบประมาณประจำปี 57 และทำไว้ต่อเนื่องและได้รับการจัดสรรงบมาแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ จึงต้องให้คตร.มาตรวจสอบว่า แต่ละโครงการเหมาะสมที่จะทำต่อ หรือยกเลิก และทบทวนวงเงิน ราคากลางเป็นหลัก โดยตอนนี้มีโครงการที่เข้าข่ายต้องยกเลิกแล้ว 2 โครงการของกรมชลประทาน เป็นการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ซึ่งจะต้องมาดูว่า เป็นโครงการที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับประชาชนหรือไม่”ทั้งนี้ หัวหน้าคสช. ยังสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการขนาดใหญ่ไปพิจารณาความเหมาะสมของขั้นตอนการประกวดราคา โดยยึดแนวทางเดิมของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กำหนด ที่จะต้องมีความโปร่งใส และประกาศลงเว็ปไซด์ พร้อมทั้งยังให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบเข้ามาร่วมสังเกตการ เพื่อให้การกำหนดราคากลางมีความเหมาะสมและเป็นจริงมากที่สุด และอาจจะมีราคาที่ลดลงจากเดิมด้วยนอกจากนี้ การตรวจสอบ 8 โครงการที่ประชาชนสนใจ ล่าสุดคณะอนุกรรมการฯของคตร.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำรายละเอียดมาชี้แจง เช่น โครงการจัดหารถรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คัน และโครงการจัดหารถจักร จำนวน 126 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รวมถึงโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (54-60) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. ที่ล่าช้าจากแผนมาก ขณะที่โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของกระทรวงศึกษาธิการนั้น ก็ได้มอบหมายให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยาไปหารือกับกระทรวงศึกษา เพื่อนำเงินจากการดำเนินโครงการดังกล่าวไปใช้ในโครงการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันแล้ว"ในโครงการอื่นเช่น กองทุนส่งเสริมการนุรักษ์พลังงาน ของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ก็ต้องไปตรวจสอบว่าเวลาที่อนุมัติโครงการไป เป็นเหมือนเบี้ยหัวแตก อยากให้ทำเป็นแพ็คเก็ต ให้มีผลการใช้เงินที่เหมาะสม"รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ทำหนังสือลับมากถึงประธานและกรรมการผู้จัดการของรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง โดยหนังสือระบุว่า คสช. มีคำสั่งให้กระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งทุกโครงการที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและป้องกันการรั่วไหวของการใช้เงินลงทุน สคร.จึงขอให้รัฐวิสาหกิจที่ได้รับหนังสือ ส่งข้อมูลรายละเอียดโครงการลงทุนมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ที่กำลังดำเนินการและยังไม่ผูกพันบุคคลภายนอก ให้ สคร. พิจารณาเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการลงทุนหรือจัดซื้อจัดจ้างต่อไปอย่างไรก็ตาม สคร. ได้ตัดสินใจช่วงสุดท้ายที่จะไม่ส่งหนังสือดังกล่าวไปยังรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น ธนาคารกรุงไทย บริษัท ปตท. บริษัท การบินไทย บริษัท การท่าอากาศยานไทย (ทอท.) และ บริษัท อสมท. เนื่องจากมีมูลค่าลงทุนแต่ละโครงการการสูง หากเกิดการระงับไปอาจส่งผลกระทบกับราคาหุ้นของบริษัทอย่างรุนแรง และทำให้ตลาดหุ้นผันผวนอย่างมาก แต่จะใช้วิธีการปรับเปลี่ยนให้คณะกรรมการชุดใหม่เข้าไปดูแลโครงการทั้งหมดแทน“มาตรการควบคุมการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ตามคำสั่งของ คสช. เชื่อว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้คณะกรรมการชุดเก่าทิ้งทวนอนุมัติโครงการจนเกิดความเสียหาย รวมถึงเป็นมาตรการอีกระดับหนึ่งที่จะกดดันให้กรรมการชุดเก่าลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ตั้งกรรมการชุดใหม่เข้าไปดูแลหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ”สำหรับโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ 57 มีจำนวน 346,000 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจริง ณ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว วงเงิน 71,700 ล้านบาท หรือ 20% ของงบลงทุน โดยรัฐวิสาหกิจที่มีงบลงทุนมากที่สุดได้แก่ บริษัท ปตท. วงเงิน86,900 ล้านบาท, การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 50,400 ล้านบาท, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วงเงิน 38,000 ล้านบาท, บริษัทการบินไทย วงเงิน 27,100 ล้านบาท, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)วงเงิน 25,100 ล้านบาท, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) วงเงิน 18,600 ล้านบาท, บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) วงเงิน17,600 ล้านบาท, การไฟฟ้านครหลวง วงเงิน 13,800 ล้านบาท และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (กสท.) วงเงิน10,500 ล้านบาท เป็นต้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คตร.สั่งทบทวนลงทุน 28 โครงการ

Posts related