นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานกิตติมศักดิ์สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า  ขณะนี้ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อ – ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก เนื่องจากเป็นช่องทางที่สะดวก ตั้งแต่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมนำระบบ3 จี มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรง และยิ่งในสถานการร์ปัจจุบันมีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองมีการปิดการจราจรหลายจุด ทำให้การเดินทางไม่ค่อยสะดวก ยิ่งส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อขาย– ขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นต่อเนื่อง “ขณะนี้แนวโน้มการซื้อขายสินค้าของทั่วโลกเปลี่ยนไปแล้ว หันมาให้ความสำคัญการซื้อขายออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศมีการซื้อขายผ่านออนไลน์ เพิ่มเป็นเท่าตัว รวมทั้งในไทย  ก็ซื้อขายผ่านออนไลน์เป็นจำนวนมาก เห็นได้จากเว็บไซด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นเยอะค้าขายผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่น เฟสบุค ไลน์ วอปแอฟ  ยูทูป ซึ่งมีปัจจัยเอื้ออำนวยทั้งระบบอินเตอร์เน็ตดีขึ้นทางภาครัฐดูแลการซื้อขายผ่านออนไลน์มากขึ้น และผู้ค้าขายสินค้า ก็มีคุณภาพมากขึ้นเพราะกลัวว่า หากซื้อขายสินค้าไม่ดี จะถูกประจานได้ง่าย ถ้าหากผู้ประกอบการไม่เปลี่ยนแปลงจะตกขบวนได้” อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย ใช้ระบบซื้อขายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น เช่นการจ้างนักกลยุทธ์ที่เป็นมืออาชีพ มาให้ความรู้ผู้ประกอบการ ไม่ใช่เพียงอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เน้นสอนทฤษฎี เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้กับผู้ประอบการด้วย เช่น การออกงานแสดงสินค้าแต่ละครั้ง ผู้ประกอบการต้องใช้ค่าใช่จ่ายครั้งละเป็น100,000 บาท และขณะนี้แนวโน้มการออกงานแสดงสินค้า ทั้งผู้ประกอบการ และคนซื้อก็เริ่มลดลงต่อเนื่อง สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองนั้นจากการสอบถามกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มสมาคมของขวัญ ฯ  ระบุว่า ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้าต่างประเทศอย่างมาก  โดยคู่ค้าต่างประเทศเริ่มชะลอสั่งซื้อสินค้าไทยซึ่งทางผู้ประกอบการไทย ก็ได้สอบถามคำสั่งซื้อไปหลายครั้ง แต่คู่ค้า ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาซึ่งขณะนี้ทางผู้ประกอบการกลุ่มของขวัญ ฯ เกรงว่าคู่ค้าจะหันไปซื้อสินค้าจากประเทศคู่แข่งแทน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซียซึ่งปกติจะหาช่องทางแย่งลูกค้าจากไทยอยู่แล้ว “สถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ32–33 บาท ถือเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการกลุ่มของขวัญ ฯเพราะส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือ และงานหัตถกรรมที่ใช้วัสดุในประเทศเป็นหลักประมาณ 70% ไม่ได้นำเข้า ขายออกไปก็ได้ราคาดี และลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ ก็ชอบงานสินค้าของไทย และมีความประณีต และมีคุณภาพสูง ต่างจากคู่แข่ง ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแต่การดึงความเชื่อมั่นคู่ค้าต่างชาติกลับมาเท่านั้นโดยทางผู้ประกอบการไทยเองพยายามชี้แจงสถานการณ์ว่า ไม่ได้รุนแรงมากยังสามารถส่งออกสินค้าไทย และลูกค้าต่างชาติ เขายังไม่ค่อยเชื่ออยู่เพราะยังเห็นหลายประเทศ ประกาศให้ระวังมาประเทศไทย”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คนแห่ซื้อ–ขายสินค้าผ่านออนไลน์พุ่ง

Posts related