ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.นัดแรก มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีรัษฎากร ฉบับที่ พ.ศ…. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นชอบ เพื่อเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช.เห็นชอบต่อไปทั้งนี้การลดภาษีบุคคลธรรมดาประกอบด้วย เงินได้สุทธิ ไม่เกิน 1 แสนบาท ให้คงจัดเก็บในอัตรา 5% ขณะที่เงินได้สุทธิในส่วนที่เกิน 1 แสนบาท แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท จัดเก็บ 5% จากเดิม 10%, เงินได้สุทธิ ส่วนที่เกิน 3 แสนบาท แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท ให้คงจัดเก็บในอัตรา 10%, เงินได้สุทธิ ในส่วนที่เกิน 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 7.5 แสนบาท ให้เก็บในอัตรา 15% จากเดิม 20%สำหรับเงินได้สุทธิ ในส่วนที่เกิน 7.5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้คงจัดเก็บที่อัตรา 20%, เงินได้สุทธิ เกิน 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท ให้เก็บในอัตรา 25% จากเดิม 30%, เงินได้สุทธิเกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 4 ล้านบาท ให้คงจัดเก็บที่อัตรา 30% และ เงินได้สุทธิในส่วนที่เกิน 4 ล้านบาทขึ้นไป ให้จัดเก็บในอัตรา 35% จากเดิมที่ 37% โดยจะมีผลบังคับใช้หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ ยังมีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือการจัดเก็บในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิ โดยมีผลบังคับใช้ในรอบบัญชีที่เริ่มภายใน หรือ เริ่มหลังวันที่ 1 ม.ค. 58 แต่ไม่เกิน 31 ธ.ค.58รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า การลดภาษีเงนได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลครั้งนี้ ถือว่าเป็นการต่ออายุการลดภาษีออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา ได้ดำเนินการไว้ ขณะที่ก่อนหน้านี้กรมสรรพากร ได้ระบุว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 57 จะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1.5 แสนล้านบาท จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 1.86 ล้านล้านบาท โดยสาเหตุเกิดจากการปรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 7 ขั้นเหลือ 5 ขั้น ทำให้รายได้หายไป 4หมื่นล้านบาท และนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรก 1 หมื่นล้านบาท และการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าลดลงตามภาพรวมการนำเข้าที่หดตัว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ครม.ไฟเขียวต่ออายุการลดภาษีอีก 1 ปี

Posts related