นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ได้สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้มีคอนโดมิเนียมรอการขาย362 โครงการ รวม 170,200 หน่วย เพิ่มขึ้นมากกว่าการสำรวจเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้า 30,000 หน่วย ที่สำคัญ เป็นหน่วยที่ก่อสร้างใหม่ในปีนี้สูงถึง 75,000 หน่วย ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วตลอดทั้งปี แต่มียอดขายโดยรวม 75% เท่านั้น ส่งผลมีคอนโดฯ เหลือขายถึง 42,900 หน่วย รวมมูลค่าเหลือขาย 140,900 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่มากนัก และในทางทฤษฎี หน่วยเหลือขายเหล่านี้ ต้องใช้เวลา 8 เดือนจึงจะขายหมด หากไม่มีหน่วยใหม่เพิ่มในตลาด แต่ในความเป็นจริง ผู้ประกอบการต่างเปิดขายโครงการใหม่ และหน่วยใหม่เพิ่มตลอดเวลา ทั้งนี้ เป็นคอนโดฯเหลือขายอยู่ในพื้นที่กทม.มากที่สุด 293 โครงการ เหลือขาย30,500 หน่วย รองลงมาคือ นนทบุรี 28 โครงการ เหลือขาย 5,500 หน่วย สมุทรปราการ 27 โครงการ เหลือขาย 3,300 หน่วย ปทุมธานี 9 โครงการ เหลือขาย 3,200 หน่วย และนครปฐม 5 โครงการ เหลือขาย 400 หน่วย ส่วนราคาที่เหลือขายมากที่สุดคือ ระดับราคาไม่เกินหน่วยละ 2 ล้านบาทถึง 47% รองลงมาคือราคา 2-3 ล้านบาทเหลือขาย 21% ราคา 3-5 ล้านบาทเหลือขาย 17% และเกินกว่า 5 ล้านบาทเหลือขาย 15% “คอนโดฯโดยเฉลี่ยมี 80-400 หน่วย เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 800 หน่วย ถึง 70 โครงการ ส่วนโครงการขนาดเล็กไม่ถึง 80 หน่วย มี 45 โครงการ เป็นแบบ 1 ห้องนอน เหลือขาย 65% แบบสตูดิโอเหลือขาย 17% แบบ 2 ห้องนอน เหลือขาย 15% แบบ 3 ห้องนอน เหลือขาย 3% และจากหน่วยเหลือขายทั้งหมด 42,900 หน่วยดังกล่าว แยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่าเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จแล้ว9,600 หน่วย อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 19,400 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มสร้าง13,900 หน่วย” นอกจากการสำรวจภาคสนามสิ้นงวดกลางปี 56 นี้แล้ว ยังพบว่ามีโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้นระหว่างเดือนก.ค.-ต.ค.อีก 78 โครงการ รวม 32,700 หน่วย โดยกทม. มีหน่วยห้องชุดเปิดขายใหม่มากที่สุด 20,000 หน่วย ปทุมธานี 5,900 หน่วย นนทบุรี 5,200 หน่วย สมุทรปราการ 1,100 หน่วย และสมุทรสาคร 600 หน่วย นายสัมมา กล่าวว่า ส่วนโครงการบ้านจัดสรรที่รอการขายมี 843 โครงการ รวม 174,800 หน่วย มีหน่วยเหลือขาย 66,900 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 274,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับการสำรวจงวด 6 เดือนก่อนหน้า มีโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นมากในเขตรอบนอกกทม. ขณะที่ปริมณฑลไม่แตกต่างมากนัก ส่วนใหญ่เป็นทาวเฮ้าส์เหลือขายสัดส่วน 48% รองลงมาคือ บ้านจัดสรรในกลุ่มราคา 3 ล้านขึ้นไป เหลือขาย 40% บ้านแฝดเหลือขาย 9% และอาคารพาณิชย์เหลือขาย 2% ด้านระดับราคาขายหน่วยละ 3-5 ล้านบาทเหลือขายถึง 32% รองลงมาคือ มากกว่า 5 ล้านบาทเหลือขาย 22% และไม่เกิน 2 ล้านบาทเหลือขาย 26% และในทางทฤษฎี หน่วยเหลือขายเหล่านี้ ต้องใช้เวลา 22 เดือนจึงจะขายหมด หากไม่มีหน่วยใหม่เพิ่มในตลาด ตัวเลขดังกล่าว ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความต้องการซื้อเริ่มตึงตัว โดยพื้นที่ที่มีโครงการเหลือขายมากสุด คืออ.บางบัวทอง อ.ลำลูกกา และอ.เมืองสมุทรสาคร ดังนั้น จึงขอฝากเตือนผู้ประกอบการให้ระมัดระวังการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้า เนื่องจากความต้องการเเต่ละปีจะมีไม่ถึง 80,000 หน่วย “แต่อย่างไรก็ตาม ยังคาดการณ์ว่า ภาพรวมภาคอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ จะเติบโตได้ 10% หรือ120,000 ยูนิต เนื่องจากช่วงต้นปีภาค อสังหาฯ ขยายตัวได้ดี แต่เพิ่งมาชะลอตัวลงช่วงไตรมาส 2 และ 3ที่ผ่านมานี้ ขณะที่ไตรมาส 4 มีปัจจัยทางการเมืองเข้ามากระทบ ท่ามกลางกำลังซื้อที่ลดลง จึงอาจทำให้ภาคอสังหาฯ โดยรวมของปีนี้ไม่สดใสเท่าที่ควร”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คอนโดมิเนียมล้นตลาดกทม.และปริมณฑล

Posts related