นายราฆพ  ศรีศุภอรรถ  อธิบดีกรมศุลกากร  เปิดเผยว่า  ยอดการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 57  (ต.ค.56-พ.ย.56)  ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาทหรือลดลงประมาณ 13-14% จากเป้าหมายที่วางไว้  เป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศของผู้ประกอบการลดลง ประกอบกับผู้นำเข้าบางรายใช้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี เช่น การเปิดเสรีทางการค้าหรือเอฟทีเอ   และบางรายใช้สิทธิความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือเจเทปป้า  ซึ่งมีผลในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งกรมฯได้คุมเข้มการนำเข้ารถยนต์หรูของผู้นำเข้าอิสระหรือเกรย์มาเก็ต ทำให้การจัดเก็บภาษีลดน้อยลง “ที่ผ่านมาผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีน้อย แต่เมื่อเห็นว่าผู้ประกอบการรายอื่นทำแล้วได้ผลและทำให้ต้นทุนการดำเนินงาน ลดลงก็หันมาใช้สิทธิประโยชน์ภาษีกันมากขึ้น  ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 50-60% ของสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนแนวทางการเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีในเบื้องต้นนั้น จะช่วยกรมสรรพากร และสรรพสามิตตรวจสอบสินค้าที่ส่งออกและนำเข้าว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ขณะที่กรมศุลกากรเร่งปราบปรามชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ที่ห้ามนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น โครงรถยนต์หรืออะไหล่มือ 2 เป็นต้น เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป” นอกจากนี้จากปัญหาสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ยุติ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวและทำให้การนำเข้าสินค้าลดลงส่งผล ต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ เช่นกัน  โดยเบื้องต้นมีการประเมินว่าในช่วงไตรมาส 1/57 (ต.ค.56-ธ.ค.56) การจัดเก็บรายได้ลดลงประมาณ 10% และถ้าในช่วงต้นปี 57 หรือประมาณเดือนม.ค.57 ถ้าการเมืองยังไม่ยุติอาจทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอีกในไตรมาส 2/57  และส่งผลให้ทั้งปีการจัดเก็บรายได้เฉลี่ยทั้งปีลดลง 10% ยกเว้นว่าการเมืองยุติอาจทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังกลับมาฟื้นตัวจะ ช่วยดึงความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และนักท่องเที่ยวกลับคืนมาเหมือนเดิมอาจทำให้การจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าที่วางไว้  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จัดเก็บภาษีกรมศุลกากร2เดือนแรกพลาดเป้า

Posts related