นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า  กรมฯ กำลังติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า ในกลุ่มที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตสินค้าจากต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้อ่อนค่ามาอยู่เกิน 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าหลายรายการ เช่น กลุ่มเหล็ก อลูมิเนียม กระป๋อง ทองแดงสำหรับผลิตสายไฟฟ้า ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช และนม เพราะสินค้าเหล่านี้ ต้องพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าเป็นหลัก “กำลังติดตามเป็นรายสินค้า เพราะเงินบาทได้อ่อนค่าลงมามาก ทำให้ต้นทุนนำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งได้มีการติดตามและตรวจสอบต้นทุนเป็นรายสินค้า เพื่อไว้ใช้รับมือ หากมีผู้ผลิตยื่นขอปรับราคาสินค้าเข้ามา แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครยื่นปรับราคาเข้ามา โดยเชื่อว่า หลังสถานการณ์เป็นปกติ และผู้ผลิตมีต้นทุนสูงขึ้น คงจะมีผู้ผลิตยื่นขอปรับราคาเข้ามาแน่” อย่างไรก็ตามการปรับราคาคงจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะผู้ผลิตยังมีการแข่งขันกันมาก ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น โอกาสในการปรับขึ้นราคาสินค้าจึงทำได้ยาก  ขณะเดียวกัน กรมฯ ได้มีการติดตามสถานการณ์วัตถุดิบนำเข้ามาโดยตลอด และพบว่าผู้ผลิตมีการสต๊อกวัตถุดิบไว้จำนวนหนึ่ง น่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือนถึงจะใช้สต๊อกเก่าหมด ดัวนั้นห้ามฉวยโอกาสปรับราคาขึ้นในช่วงนี้ และหากจะมีการยื่นขอปรับราคาจริง ก็จะพิจารณาต้นทุนก่อนว่าเป็นวัตถุดิบนำเข้าล็อตใหม่หรือไม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ผลิตและผู้บริโภค นายสันติชัย กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าในปัจจุบัน จากการตรวจสอบและติดตามของกรมฯ พบว่า ยังเป็นปกติ ไม่มีปัญหาการขาดแคลนสินค้า หรือสินค้าราคาสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ๆ มีการชุมนุม ภาวะราคาสินค้ายังเป็นปกติ เพราะมีการขนส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายได้ตลอด โดยพบว่า สินค้ากลุ่มอาหาร และน้ำดื่ม มียอดจำหน่ายสูงขึ้น แต่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย มียอดจำหน่ายลดลงบ้าง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จับตาสินค้าบาทอ่อน

Posts related