เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเปิดภาคเรียน…เชื่อว่าบรรดาผู้ปกครองหลายคนในเวลานี้ต่างรู้สึกเครียด กังวล เพราะเกรงว่าจะหาเงินมาจ่ายค่าเทอม จ่ายค่าชุดนักเรียน และอีกสารพัด ไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นบรรยากาศของโรงรับจำนำทั้งของภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศจะคึกคักผิดปกติ รวมไปถึงบรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบทั้งหลายที่คึกคักไม่แพ้กัน   มีการคาดกันว่าในช่วงเปิดเทอมนี้จะมีเงินสะพัดหรือค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองต้องควักกระเป๋าเพิ่มรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 ล้านบาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน ที่มีตั้งแต่เรียนฟรีทุกอย่างยันไปถึงต้องควักเนื้อจ่ายสารพัดทั้งค่าหน่วยกิต ค่าบำรุงโรงเรียน ค่าแป๊ะเจี๊ยะ ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเสื้อผ้า  ค่ารองเท้า และอื่น ๆ ในหลักหลายแสนบาท ผู้ปกครองหาเงินไม่ทัน  อย่างไรก็ตามในปีนี้หลายฝ่ายต่างแสดงความเป็นห่วงว่า ผู้ปกครองจำนวนมากอาจไม่สามารถหาเงินได้ทันเปิดเทอม เพราะเวลานี้เศรษฐกิจไทยกำลังตกสะเก็ดจากปัญหาการเมือง ทำให้ผู้ปกครองมีรายได้ลดลงจากการที่บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องลดการทำโอทีเพื่อประคองธุรกิจ รวมถึงการหาอาชีพเสริมเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายก็ค่อนข้างลำบาก สวนทางกับราคาสินค้าต่าง ๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้น สภาพที่เกิดขึ้น…จึงหนีไม่พ้นการซ้ำเติมบรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครอง ทั้งหลาย เพราะนอกจากรายได้จะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังต้องมาพบกับราคาสินค้าอีกนับไม่ถ้วนที่แพงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหาร ที่เห็นได้ชัดแม้เป็นการเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลอย่าง มะนาว ที่บางพื้นที่ในเวลานี้ราคาพุ่งถึงลูกละ 14-15 บาท หรือแม้แต่พืชผักอื่น ๆ อย่างคะน้า ผักกาดขาว ต้นหอม ที่ราคาแพงขึ้นไม่ต่ำกว่า 20-30% ก็ตาม แต่ก็ทำให้ใครต่อใครหลายคนต้องเดือดร้อน หรือแม้แต่อาหารจานด่วนและข้าว ที่ในบางพื้นที่แพงขึ้น 5-10 บาทต่อจาน และยิ่งในช่วงโรงเรียนเปิดเทอมด้วยแล้วเชื่อว่าจะมีสินค้ากลุ่มอาหารก็จะปรับราคาเพิ่มตามด้วยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ที่ราคาลดลงในช่วงนี้เพราะเป็นช่วงปิดเทอม แต่เมื่อเปิดเทอมเมื่อไหร่ก็จะทำให้ความต้องการไข่ไก่ตามโรงเรียนต่าง ๆ มีมากขึ้น และสุดท้ายก็จะส่งผลให้ราคาไข่ไก่กลับมาเป็นประเด็นที่ต้องติดตามกันอีกครั้ง   นี่…ยังไม่นับรวมบรรดาสินค้าต่าง ๆ แม้ว่าจะอยู่ในรายการควบคุมแต่หลาย ๆ ชนิดก็แอบใช้วิชามารโดยการปรับลดขนาดสินค้าให้เล็กลงแล้วคงราคาเดิมเพื่อตบตาผู้บริโภค!  ปรับราคา 10-20 บาท  ดังนั้นจึงมีคำถามว่า? เมื่อสินค้าปรับขึ้นราคากันไปแล้ว สินค้าที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน นักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเรียน เครื่องเขียน รองเท้า ชุดนักเรียน นักศึกษา และอื่น ๆ จะปรับขึ้นราคาเพื่อซ้ำเติมบรรดาผู้ปกครองมากเพียงใด เพราะเวลานี้เสียงรำพึงรำพันจากบรรดาผู้ปกครองมีเข้ามาให้ได้ยินอย่างไม่ขาดสายว่าราคาชุดนักเรียนขณะนี้ได้ปรับขึ้นไปแล้วอย่างน้อยอีกชุดละ 10 บาท โดยบรรดาร้านค้าย่อยอ้างว่ามีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ ร้านปักชื่อนักเรียน ดาว หรือสัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องหมายโรงเรียน ในหลายพื้นที่ ได้ปรับขึ้นราคาเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะมีการปรับขึ้น 10-20  บาท เช่น ในต่างจังหวัดในหลาย ๆ ร้าน จะอยู่ที่ 40-50 บาท เพิ่ม 10 บาท ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายร้าน จะอยู่ในระดับ 60-80 บาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 20 บาท อย่างไรก็ตามแม้ร้านค้าทั่วไปได้เลือกวิธีการปรับขึ้นราคา แต่ถือว่าแตกต่างจากบรรดาห้างค้าปลีก ค้าส่งรายใหญ่ ที่ต่างยืนหยัดราคาเดิมไม่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น แถมยังจัดโปรโมชั่น “ลด แลก แจก แถม” กันอย่างคึกคัก เพื่อดึงดูดบรรดาผู้ปกครองให้มาซื้อสินค้า เนื่องจากในภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ หลายครอบครัวต้องระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยกัน ห้างฯกระหน่ำจัดโปรโมชั่น  เริ่มจาก “ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน” ได้ทุ่มงบกว่า 6 ล้านบาท จัดทำแคมเปญ โรบินสัน-ไอ เลิฟ มาย สคูล ต้อนรับเปิดเทอม โดยมีสินค้ากว่าแสนรายการทั้งชุดนักเรียน รองเท้า อุปกรณ์การเรียน และยังมีโปรโมชั่นมากมายทั้งลด แถม และชิงโชค ซึ่งแคมเปญนี้จะเน้นไปที่การช่วยลดภาระผู้ปกครอง คุณภาพของสินค้าและความครบครัน โดยตั้งเป้าหมายว่าแคมเปญนี้จะมียอดขาย 300 ล้านบาท และเติบโตกว่า 30% และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายไตรมาสที่ 2 ให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ โดยราคาสินค้าเริ่มต้นที่ 20 บาท และยังมีโปรโมชั่น เช่น เมื่อซื้อชุดนักเรียนน้อมจิตต์ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ลุ้นรับไอแพด มินิ และไอโฟน5ซี และเมื่อซื้อรองเท้านักเรียนครบ 1,200 บาทขึ้นไป รับบัตรของขวัญโรบินสัน 100 บาท ซึ่งแคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่ 18 เม.ย.-25 พ.ค. 57 ด้าน “เดอะมอลล์” จัดงาน  ต้อนรับเปิดเทอม “เดอะ มอลล์ แบ๊กทู สคูล” ซึ่งรวบรวมสินค้าครบครันทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่ ชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน คุณภาพใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ยอดนิยม พร้อมถุงเท้า เครื่องเขียน กับโปรโมชั่นลดสูงสุด 20%     ร่วมจัดโครงการธงฟ้า    ด้าน “เทสโก้ โลตัส” ได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดแคมเปญธงฟ้า แบ๊กทูสคูล เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองโดยจำหน่ายสินค้าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนในราคาถูก  เช่น ชุดนักเรียนราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท รองเท้านักเรียนราคาเริ่มต้นที่ 79 บาท และยังมีบริการปักชื่อฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคุณภาพชุดนักเรียน 100 วัน ซึ่งแคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่วันที่  17 เม.ย.-14 พ.ค.นี้ เช่นเดียวกับ “บิ๊กซี” ที่ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดโครงการ “บิ๊กซี-ธงฟ้า ลดค่าครองชีพ แบ๊กทูสคูล” เพื่อช่วยผู้ปกครองประหยัด โดยลดราคาสินค้าสูงสุด 30% ตั้งเป้าว่าจะช่วยผู้ปกครองลดค่าใช้จ่ายช่วงเปิดภาคเรียนได้กว่า 25% หรือประมาณ 170 ล้านบาท ทั้งนี้สินค้าประเภทชุดนักเรียนมีราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 42 บาท รองเท้านักเรียนเริ่มต้นที่ราคา 79 บาท และถุงเท้าเริ่มต้นที่ราคา 12 บาท นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ สามารถนำชุดนักเรียนเก่า 3 ชิ้น มาแลกคูปองส่วนลดสูงสุด150 บาท, สมาชิกบิ๊กการ์ดซื้อชุดนักเรียนหรือรองเท้าครบ 500 บาท มีสิทธิแลกซื้อถุงเท้าหรือกระเป๋าในราคา 1 บาท,  สำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิตเฟิร์สช้อย กรุงศรี วีซ่าเมื่อซื้อสินค้าครบ 3,000 บาทขึ้นไปจะได้รับโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พ.ค. 57   สาเหตุสำคัญ…ที่บรรดาห้างร้านต่าง ๆ มีการจัดโปรโมชั่นเพราะมีการประเมินว่า ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ทิศทางตลาดชุดนักเรียนในปีนี้น่าจะเติบโตไม่เกิน 5% หรืออาจไม่เติบโตก็ได้ จากปีก่อนที่มีมูลค่า 4,000–5,000 ล้านบาท เพราะผู้ปกครองเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อ หากภาวะเศรษฐกิจดี ๆ ผู้ปกครองจะซื้อชุดนักเรียนในปริมาณ  3-5  ชุดต่อคน แต่ในปีนี้อาจเหลือ 1-2 ชุดต่อคน แล้วหันไปใช้ชุดนักเรียนเก่าหรือชุดนักเรียนของรุ่นพี่แทน ส่วนรองเท้านักเรียนคาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่า 5,200 ล้านบาทโตขึ้นประมาณ 3-5% ซึ่งเป็นการขยายตัวแบบลดลง  พาณิชย์คุมเข้มร้านค้า  ไม่เพียงบรรดาห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ที่จัดโปรโมชั่นสารพัดแล้ว ยังมีตามตลาดนัดต่าง ๆ หรือร้านค้าทั่วไปในทุกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดจตุจักร แหล่งรวมสินค้าราคาถูกทั้งแบบมือ 1 และมือ 2  หรือตลาดโบ๊เบ๊ ตลาดประตูน้ำ ที่เป็นศูนย์รวมเสื้อผ้ายกโหล เหมาะแก่การเหมาซื้อหลาย ๆ ชุด ได้ราคาต้นทุน หรือตลาดสำเพ็ง แหล่งรวมสินค้าราคาถูกที่สามารถต่อรองราคาได้ด้วย สำหรับราคาจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียนในร้านค้าทั่วไป เช่น ระดับอนุบาล พบว่าแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ตัวละ 135-175 บาท  และแบรนด์ทั่วไป รวมถึงเสื้อตลาดโบ๊เบ๊ตัวละ 90-100 บาท  ส่วนกางเกงของแบรนด์ที่ได้รับความนิยมตัวละ 145-205 บาท และแบรนด์ทั่วไปตัวละ 100-110 บาท ส่วนระดับประถม-มัธยม เสื้อเชิ้ตนักเรียนชาย แบรนด์ที่ได้รับความนิยมตัวละ 182-205 บาท  แบรนด์ทั่วไปตัวละ 140-150 บาท,  เสื้อประถมหญิง คอบัวผ่าตลอด แบรนด์ที่ได้รับความนิยมตัวละ 177-195 บาท แบรนด์ทั่วไปตัวละ  130-140 บาท,  กางเกงนักเรียนชาย  แบรนด์ที่ได้รับความนิยมตัวละ 220-245 บาท แบรนด์ทั่วไปตัวละ 160-170 บาท เป็นต้น   อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองได้รับความเดือดร้อนมากนักนั้นในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจติดตามสถานการณ์ราคาชุดนักเรียน และอุปกรณ์ต่าง ๆ พบว่าทุกอย่างยังอยู่ในภาวะปกติโดยไม่มีร้านค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสูง ๆ  นอกจากนี้กรมการค้าภายใน ได้เชิญผู้ผลิตเสื้อผ้าชุดนักเรียน รวมถึงห้างค้าปลีก เพื่อขอความร่วมมือในการตรึงราคาชุดนักเรียน ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันจากผู้ประกอบการว่าเปิดเทอมครั้งนี้ชุดนักเรียนจะไม่มีการปรับขึ้นราคาแน่นอน  แม้ว่าต้นทุนผู้ประกอบการจะปรับสูงขึ้นบ้าง  แต่ยังแบกรับภาระไหว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และการแข่งขันที่รุนแรง รวมไปถึงการขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการสินค้าให้ช่วยกันตรึงราคาสินค้าควบคุมทั้ง 205 รายการ ไว้ก่อนอีก 6 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนไทย   ต้องยอมรับว่า…เวลานี้บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างเหนื่อยยากจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ก็ต้องกัดฟันทุกทางเพื่อหาทางให้บุตรหลานได้เล่าเรียน!. ตรึงราคาชุดนักเรียน “สันติชัย สารถวัลย์แพศย์” รองอธิบดี กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า  ที่ผ่านมาได้เชิญผู้ผลิตชุดนักเรียนรายใหญ่ 4 แบรนด์ ประกอบด้วยตราสมอ น้อมจิตต์ สมใจนึก และแมมมอธ มาหารือถึงแนวทางการตรึงราคาชุดนักเรียนซึ่งตรงกับแนวคิดของผู้ประกอบการทั้ง 4 แบรนด์อยู่แล้วที่ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าในปี 57 นี้แน่นอน แม้ว่ามีต้นทุนเพิ่มขึ้นก็ตาม ขณะเดียวกัน ยังได้รับคำยืนยันจากผู้ประกอบการและห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เกี่ยวกับชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนก่อนการเปิดเทอมใหม่ว่า ยังคงราคาสินค้าเท่ากับปีที่ผ่านมา ที่สำคัญก็ยังมีการจัดโปรโมชั่นในการแลก แจก แถม แม้ว่าต้นทุนผู้ประกอบการจะปรับสูงขึ้นบ้าง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้บรรดาห้างฯ จำเป็นต้องมีการแบกรับภาระอยู่ เศรษฐกิจดิ่งกำลังซื้อหด “วัลลภ วิตนากร” รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ผู้ผลิตไม่กล้าปรับขึ้นราคาสินค้ามากนัก ยกเว้นสินค้าเกษตรบางชนิดที่ราคาปรับขึ้นตามฤดูกาล ดังนั้นในช่วงเปิดเทอมที่กำลังจะถึงนี้ จึงมั่นใจว่าชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน และอุปกรณ์เกี่ยวกับการเรียนคงไม่ปรับขึ้นราคา เนื่องจากผู้ปกครองยังไม่มีกำลังซื้อที่สูงมากนัก  สาเหตุที่ผู้ปกครองมีกำลังซื้อไม่มากยอมรับว่า รายได้จากการทำงานในส่วนโอทีของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่มากเหมือนกับเศรษฐกิจดี ๆ ขณะที่การส่งออกก็ไม่ดีนักทำให้โรงงานขนาดใหญ่จำนวนมากต้องหยุดการขยายกิจการ ไม่มีการรับพนักงานเพิ่ม  “เศรษฐกิจไทยและภาคการส่งออกไทยพร้อมฟื้นตัวตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เอกชนอยากเห็นคือ การเลือกตั้งเร็ว ๆ เพื่อมีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจในการบริหารเต็มตัว ในการอนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจ” รองเท้านักเรียนคึก “จักรพล จันทวิมล”  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้านักเรียน ภายใต้แบรนด์ “นันยาง” เชื่อว่า ภาพรวมตลาดรองเท้านักเรียนในปี 57  มีมูลค่ารวม  5,200 ล้านบาท หรือเติบโต 3-5% แต่หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปกติ หรือเทียบกับช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ดี ตลาดจะเติบโตได้ 5-7% แต่ที่ในปีนี้เติบโตน้อยมาจากเศรษฐกิจค่อนข้างซบเซา กำลังการซื้อของผู้บริโภคในระดับรากหญ้าลดลง แต่ตลาดที่เติบโตได้ในปีนี้เพราะผู้ปกครองไม่ซื้อสินค้าเมื่อปี 56 ที่ผ่านมา แล้วหันซื้อในปี 57 แทน ในส่วนของรองเท้าแบรนด์ “นันยาง” คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่าอัตราเติบโตของตลาดรวมหรืออยู่ที่ประมาณ 8% ตลอดทั้งปี และได้ตั้งเป้าการเติบโตในช่วงเปิดเทอม (แบ๊กทูสคูล) ปี 57 ไว้ที่ 12% ซึ่งตรงนี้บริษัทได้ปรับแผนการขายเพื่อรับเปิดเทอม มนัส แวววันจิตร

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จับตาสินค้าแห่ปรับขึ้นราคา รับเปิดเทอมซ้ำเติมผู้ปกครอง

Posts related