ถือเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน…สำหรับปัญหาที่พัก และสิ่งปลูกสร้างที่ถูกนำมาใช้อย่างผิดประเภทและผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์” ที่ได้ระบุไว้ใน พ.ร.บ.โรงแรมปี 47 ว่า หากผู้ประกอบการจะสร้างเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ต้องมีรายได้จากการจ่ายค่าห้องเป็นแบบรายเดือนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนเราทุกคนต่างมีความอยากมีอยากได้อยู่คู่กับตัวอยู่แล้ว จึงได้ค้นหาวิธีที่จะหาหนทางทำให้ตัวเองมีรายได้ มีกำไรและได้เงินลงทุนคืนกลับมาโดยเร็ว ดังนั้น เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์.. จึงผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แทนที่จะปล่อยห้องให้เช่าเป็นรายเดือน แต่กลับกลายเป็นว่าเวลานี้บรรดาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ได้เปิดให้บริการทั้งรายวันและรายเดือนกันไปซะแล้ว ตาม พ.ร.บ.โรงแรม ปี 47 ได้กำหนดไว้แล้วว่าผู้ใดจะจดทะเบียนทำการค้าเปิดธุรกิจโรงแรม ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายและทำตามข้อบังคับให้ถูกต้องทั้งการเสียภาษีการจ้างพนักงานให้ครอบคลุมทุกการบริการภายในโรงแรมรวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของโครงสร้างที่ต้องป้องกันภัยพิบัติในเบื้องต้นได้ เช่น อุทกภัย ลมพายุ หรือแผ่นดินไหว แต่เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์รายวันไปแล้วข้อกำหนดต่าง ๆ จึงไม่ต้องถูกบังคับใช้ทันที ดังนั้น ราคาห้องพักแบบรายวันของเหล่าเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในปัจจุบัน จึงถูกกว่าการไปเช่าโรงแรมไม่ต่ำกว่า 30-50% ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหันมาสนใจที่จะใช้บริการเป็นอย่างมากจนโรงแรมในจังหวัดโดยเฉพาะในเมืองหลักที่มีมหาวิทยาลัย และเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวจะมีมากเป็นพิเศษเทียบอัตราส่วนได้ถึง 1 ต่อ 3 หรือ เมื่อมีการสร้างโรงแรม 1 แห่ง จะมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ผุดขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 แห่งทันที เมื่อโรงแรม! ถูกลดทอนรายได้ลงไปมาก จนสุดท้ายต้องงัดกลยุทธ์ด้านราคาออกมาแข่งขัน สุดท้าย…อัตราเฉลี่ยของราคาค่าเช่าโรงแรมของประเทศไทยกลับต่ำที่สุดในเอเชีย!!  ที่แย่ไปกว่าเดิมคือ เมื่อนักท่องเที่ยวหันไปเช่าเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แทนการคุ้มครองและการดูแลนักท่องเที่ยว จะลดลงทันทีเพราะตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าพักต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนไปให้ทางโรงแรมเก็บข้อมูลรายชื่อเพื่อส่งไปที่อำเภอ หรือ สำนักงานเขตแต่เมื่อไม่ได้พักที่โรงแรมจึงไม่มีชื่อในสารบบบัญชีอย่างเป็นทางการ ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์อันตรายใด ๆ กับตัวนักท่องเที่ยวจะไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวได้เพราะนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ ถือว่าทำผิดกฎหมายตั้งแต่แรกแล้วประกอบกับในเวลานี้ประเทศไทยก็เกิดปัญหาอาชญากรเป็นรายวันโดยเฉพาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวสาเหตุนี้จึงหนีไม่พ้นซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ๆ สิ่งที่เสียหายที่สุดคือภาพลักษณ์ของประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความคุ้มครองจากการที่มีจำนวนห้องพักผิดกฎหมายล้นตลาด นอกจากนี้ยังทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวแห่งความมีน้ำใจ รักการบริการหายไปด้วยเพราะหากนักท่องเที่ยวไปเข้าพักแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ก็จะได้รับการบริการไม่เทียบเท่าโรงแรม ทั้งด้านความสะอาดของที่พัก อาหารการกินที่ถูกสุขลักษณะซึ่งหากปล่อยไว้ต่อไปในอนาคตเชื่อว่า…นักท่องเที่ยวจะเลือกกล่าวขานประเทศไทยว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวราคาถูกคุ้มราคา (ชีพเดสติเนชั่น) ได้แน่ ๆ  ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยต้องเป็นหน่วยงานหลักในการกวดขันและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด แต่สิ่งที่เห็นอยู่ในขณะนี้คือ ตั้งแต่ปี 51 ที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังออกประกาศแจ้งเตือนอย่างชัดเจนว่ากลุ่มเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่หากินแบบโรงแรมจะต้องไปจดทะเบียนเปลี่ยนจุดประสงค์ให้สถานประกอบการของตนเองเป็นโรงแรมได้ทันทีหากพบว่าเข้าข่ายประกอบธุรกิจโรงแรมแล้ว จนแล้วจนเล่า…จนเข้าสู่ปี 57 ยังไม่มีความเคร่งครัดใด ๆ เกิดขึ้น กลับกลายเป็นว่ามีกลยุทธ์ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย นั่นคือ การเช่าห้องพักเป็นรายเดือนในเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แต่กลุ่มที่เข้าพักเป็นนักท่องเที่ยวแตกต่างกลุ่มไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านที่พักลงได้อย่างมาก แต่ในความจริงการกระทำที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน เพราะนำนักท่องเที่ยวมาพักอาศัยในห้องพักที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงแรมและทำธุรกิจทางการค้าหรือมุ่งหากำไรจะถือว่าผิดกฎหมายทั้งหมด ทั้งหมดนี้จึงเป็นสัญญาณที่เห็นได้ชัดแล้วว่าหากยังไม่มีกฎหมาย หรือการออก พ.ร.บ.โรงแรมที่ชัดเจนและภาครัฐยังคงรักษาความไม่เข้มงวดไว้เหมือนเดิม ก็เชื่อได้ว่า…บรรดาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ผิดกฎหมาย จะยิ่งได้ใจและยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้าย…ภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวไทยจะไม่สามารถดึงดูดหรือครองใจนักท่องเที่ยวได้อีก เพราะนักท่องเที่ยวต้องถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนที่ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายและในที่สุด “สยามเมืองยิ้ม” คงไม่อยู่ในใจนักท่องเที่ยวอีกต่อไป! เอวิกานต์ บัวคง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จี้รัฐแก้ปัญหาห้องเช่ารายวัน หวั่นฉุดภาพลักษณ์ท่องเที่ยว

Posts related