นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงแนวทางการเพิ่มทุนในบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (บีเอ็มซีแอล) ของรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ว่า ต้องให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นผู้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาจากการวิเคราะห์ความคุ้มค่า ว่าแนวทางใดเหมาะสมที่สุด ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. รับทราบ ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนก่อนครบกำหนดกรอบเวลาในเดือน ธ.ค.นี้ “กระทรวงคมนาคมในฐานะเป็นหน่วยปฏิบัติก็พร้อมรับนโยบาย อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนการประกาศแนวทางใด ๆ ของ รฟม.จะมีผลต่อเรื่องของราคาหุ้นทั้งสิ้น ดังนั้นเรื่องนี้ต้องดูให้รอบคอบ รอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอเรื่องกลับมาก่อน และจะส่งผลวิเคราะห์ไปยังกระทรวงการคลังทันที” แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันที่ 21 พ.ย. นี้คณะกรรมการรถไฟฯ จะพิจารณาว่า จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบีเอ็มซีแอลหรือไม่ หลังจากวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ในการประชุมผู้ถือหุ้นสมัยวิสามัญของบีเอ็มซีแอลได้เห็นชอบแผนเพิ่มทุนของบริษัท 8,500 ล้านบาท จาก 11,950 ล้านเป็น 20,500 ล้านบาท แต่ รฟม.ที่ถือหุ้นอยู่ด้วย 25% ยังคงไม่ตอบรับ เพราะต้องรอที่ประชุมบอร์ดเห็นชอบก่อน เสนอให้กระทรวงคมนาคมรับทราบ และรายงานต่อ ครม. อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวแจ้งว่า ในส่วนของรฟม.จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐ เพราะหากต้องการรักษาสัดส่วนหุ้น 25% จะต้องเพิ่มเงินทุนอีก 2,000 ล้านบาท หากบอร์ดอนุมัติให้เพิ่มทุนจริง ครม.เห็นชอบด้วย รฟม.อาจจะเสนอขอกู้หรือขอใช้งบกลางในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้วจ่ายคืนทีหลัง “แนวโน้มที่ประชุมบอร์ดรฟม. คาดว่าจะไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพราะเห็นว่ารฟม.เป็นผู้ให้สัมปทาน ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นในบีเอ็มซีแอลก็ได้ เนื่องจากเป็นกิจการของเอกชน อีกทั้ง รฟม.มีสัญญาการบริหารเมื่อครบสัมปทาน ทุกอย่างก็ตกเป็นของรฟม.อยู่ดี แต่บอร์ดส่วนที่เห็นด้วยว่า ควรรักษาสัดส่วนหุ้น ซึ่งมีอยู่จำนวนน้อย โดยให้เหตุผลว่า จำนวนเงินไม่มาก ประกอบกับเป็นยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน ซึ่งจะมีประโยชน์อีกหลายเรื่องในอนาคต”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชงคลังเพิ่มทุนบีเอ็มซีแอล

Posts related