นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมฯเตรียมเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรับโครงสร้างภาษีสรรพากรใหม่ทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมาแม้ว่าจะเกิดการปฏิรูปภาษี แต่ก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่รอบด้าน ซึ่งบางส่วนเรื้อรังมานานส่งผลต่อการจัดเก็บในภาพรวม ซึ่งการปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ เชื่อว่า คสช.จะเห็นชอบและดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีของกรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจะทำให้การจัดเก็บงบประมาณ 58 ได้ตามเป้าหมายที่ 1.89 ล้านล้านบาท เท่ากับเป้าหมายการจัดเก็บปี 57ทั้งนี้ การปฏิรูปโครงสร้างภาษีจะทำให้หลายส่วน ได้แก่ การเสนอปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดลงจากอัตราสูงสุด ปัจจุบันที่ 35% เนื่องจากมองว่าอัตราดังกล่าวยังไม่จูงใจ เพราะมีผู้เสียภาษีเพียง 2 ล้านรายจากฐานภาษีทั้ง 10 ล้านราย เมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์ที่มีอัตราการจัดเก็บที่ต่ำกว่าไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอัตราที่เหมาะสม รวมถึงจะเสนอให้ทบทวนสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และให้ทบทวนการหักค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณภาษี จากปัจจุบันอยู่ที่คนละ 60,000 บาทต่อปี เพิ่มเป็นคนละ 120,000 บาทต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับรายจ่ายในปัจจุบันมากขึ้น“ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้สำนักแผนของกรมสรรพากรไปศึกษาดูว่าค่าลดหย่อนทั้งหมด ผู้ที่ได้ประโยชน์อยู่ในกลุ่มไหน กลุ่มที่ได้ประโยชน์เป็นผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจริงหรือไม่ เพื่อให้มีอัตราที่เหมาะสม”นายสุทธิชัย กล่าวว่า เตรียมเสนอให้ออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) คงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20% เพื่อให้มีผลถาวร จากเดิมที่จะสิ้นสุดเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 57 นี้ โดยปัจจุบันมีนิติบุคคลที่อยู่ในฐานภาษีประมาณ 500,000 ราย ขณะเดียวจะเสนอให้คงอัตราภาษีจัดเก็บมูลค่าเพิ่มที่ 7% ต่อไปอีก 1 ปี หรือมีผลสิ้นสุดที่สิ้นปีงบประมาณ 58 เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชงคสช.ปรับโครงสร้างภาษีสรรพากรใหม่

Posts related