นายประภัสร์ จงสงวนผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาต่อสัญญาเช่าพื้นที่ตั้งสำนักงานใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)จำนวน 24 ไร่ว่าล่าสุดยังเจรจาหาทางออกร่วมกันไม่ได้ หลังจากขีดเส้นตายไว้เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.56 ที่ผ่านมา ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบให้ทำหนังสือส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดช่วยพิจารณาหาข้อยุติเนื่องจากสำนักงานอัยการสูงสุดสามารถพิจารณาข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานรัฐได้โดยขณะนี้ฝ่ายฝ่ายกฎหมาย ร.ฟ.ท. กำลังเร่งจัดทำรายละเอียดและคาดว่าจะส่งอัยการได้ภายในเดือนม.ค.นี้   ทั้งนี้ประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งในปัจจุบันคือ ร.ฟ.ท.ต้องการต่อสัญญาเช่าพื้นที่เดิมที่สิ้นสุดสัญญาวันที่ 31 มี.ค.56 ออกไปอีก 30 ปี โดยคิดเงินค่าเช่าเป็นเงิน 1,792 ล้านบาท แต่ทางปตท. ไม่เห็นด้วยและยืนยันที่จะยึดตามสัญญาเดิมที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยทำไว้กับ ร.ฟ.ท.ซึ่งในสัญญาระบุว่าหากการปิโตรเลียมฯ เช่าที่ดินครบ 30 ปีแล้วให้สามารถเช่าต่อได้อีก 30 ปีโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าดังนั้น ปตท.จะยอมจ่ายค่าเช่าใหม่ที่ 800 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปีเท่านั้น   อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท.ไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน เพราะสัญญาเดิมที่ระบุไว้นั้น ปตท. ยังเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศซึ่งมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ปัจจุบัน ปตท.ได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทมหาชนแล้วและมีกำไรเกินกว่าปีละแสนล้านบาทจึงเห็นว่าอัตราค่าเช่าที่เหมาะสมตามผลศึกษาควรอยู่ที่ 1,792 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี โดยจ่ายในครั้งเดียว ส่วนการเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลังเดือนละ 6 ล้านบาท จากเดือนมี.ค.56 นั้น ร.ฟ.ท.จะเรียกเก็บย้อนหลังแน่นอนแต่ต้องรอหลังอัยการพิจารณาเรื่องเรียบร้อยแล้ว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชงอัยการฯ ชี้ขาดสัญญาปตท.เช่าที่รถไฟฯ

Posts related