นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สภาพคล่องในระบบการเงินไทยปัจจุบัน ไม่ได้ตึงตัวขึ้น  เพราะธปท.ยังทำหน้าที่ดูดซับสภาพคล่อง ด้วยการขายพันธบัตรโดยมีสัญญาจะซื้อคืนอยู่อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งอัตราส่วนยอดสินเชื่อต่อเงินฝากและตั๋วบีอี แต่ไม่รวมการกู้ยืมระหว่างธนาคาร (อินเตอร์แบงก์) เมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น จากเดือนม.ค.ที่ 96.29% เป็น 98.29%  รวมถึงการดำรงเงินฝากของสถาบันการเงินไว้ที่ธปท.ลดลง โดยจากสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท ลดลงเหลือ 94,200 ล้านบาทนั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะนโยบายการบริหารสภาพคล่องของแต่ละธนาคารเอง ส่วนกรณีที่สถาบันการเงินแข่งระดมเงินฝากกันมากขึ้นนั้น โดยภาพรวมแล้ว ธปท.ไม่เห็นว่าการแข่งขันระดมเงินฝากรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ให้ หากดูเป็นรายธนาคารพาณิชย์ แต่ละธนาคารอาจจะมีสภาพคล่องต่างกัน บางธนาคารอาจวางแผนแหล่งที่มาขอเงิน เพื่อวางแผนต้นทุน และระดมเงินฝาก เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าตามแผนกลยุทธ์การตลาดปกติเท่านั้น “สรุปว่าสภาพคล่องไทยในขณะนี้ ไม่ได้ตึงตัว และสภาพคล่องก็ไม่ได้มีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด โดยทิศทางนโยบายการเงินของธปท.ขณะนี้ ยังผ่อนคลาย เพื่อให้เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจ” นายจิรเทพ กล่าวว่า นอกจากนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดในปัจจุบันของไทย ก็ไม่ได้น่าห่วง แต่อย่างไรก็ดีตาม โดยหลักการแล้ว หากดุลบัญชีเดินสะพัดแบบอ่อน ๆ ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมทั้งไทย ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะหมายความว่าเป็นการเร่งเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจด้วยการลงทุน ดังนั้น ต้องแยกว่าขาดดุลจากส่วนไหน หากขาดดุลจากการเร่งลงทุน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และไทยก็รอคอยการลงทุนมานานแล้ว แต่หากขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจากราคาน้ำมันถูกลง และทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น จนกระทบการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดนั้น คงต้องไปดูว่าไทยประหยัดพลังงานน้อยไปหรือไม่ หรือควรปรับไปใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้นหรือไม่

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชี้สภาพคล่องในระบบการเงินไทยไม่ตึงตัว

Posts related