นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศเป้าหมายในอันดับต้น ๆ ที่ญี่ปุ่น ต้องการเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหาร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่มีศักยภาพไปลงทุนต่างประเทศ 10,000 ราย แม้ไทยจะมีเหตุการณ์การชุมนุนทางการเมือง แต่ญี่ปุ่น ยังสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเข้าใจสถานการณ์ของไทยดี รวมทั้งมองว่า คนไทยเป็นมิตร และหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 ไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ล่าสุดกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) ได้ลงนามความร่วมมือ(เอ็มโอยู) กับจังหวัดโทตโทริ ประเทศญี่ปุ่นในการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้ง 2 ประเทศ โดยจะเน้นดำเนินกิจกรรมส่งเสริมด้านบุคลากรและถ่ายทอดเทคโนโลยี นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดี กสอ. กล่าวว่า การลงนามเพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับทางการญี่ปุ่น กสอ. ได้ลงนามร่วมแล้วทั้งหมด 4 จังหวัดได้แก่ จ.ไซตามะ จ.ยามานาชิ จ.อาคิตะ และล่าสุด จ.โทตโทริ และมีแผนที่จะลงนามกับจ.ฟูกูโอกะ ในเดือนม.ค. 57 “สถานการณ์การเมืองตอนนี้ไม่กระทบต่อภาคการผลิตเพราะโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยู่นอกกรุงเทพฯ และการขนส่งสินค้ายังเป็นไปอย่างปกติ และตอนนี้ยังไม่มีการสอบถามถึงสถานการณ์การเมืองจากนักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในประเทศไทย” นายชินจิ ฮิราอิ ผู้ว่าราชการจังหวัด โทตโทริ กล่าวว่า แม้การเมืองในไทย จะมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับพรบ.นิรโทษกรรม แต่ญี่ปุ่นยังมองว่าการเมืองเป็นคนละเรื่องกับเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไทย ก็ยังดำเนินนโยบายเศรษฐกิจตามที่วางไว้ โดยการเอ็มโอยูร่วมกับ กสอ. ครั้งนี้มีผู้ประกอบการ 5 รายที่สนใจประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และอาหาร โดยผู้ประกอบการมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีวัตถุดิบสมบูรณ์อยู่ในที่ตั้งที่มีศักยภาพ คือเป็นศูนย์กลางอาเซียนเชื่อต่อกับเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากจังหวัดโทตโทริมาลงทุนในไทยแล้ว 20 บริษัท และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามนโยบายการส่งเสริมของรัฐบาล

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ญี่ปุ่นเมินม็อบ เดินหน้าลงทุนในไทยต่อเนื่อง

Posts related