นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยที่สุดและเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาของอาเซียน เนื่องจากอุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างไทยเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงมีมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับ 2 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) “ไทยจำเป็นต้องส่งเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีให้มีความเข้มแข็ง พร้อมทั้งการเพิ่มการวิจัยและพัฒนาด้านแรงงาน, ด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ ในขณะเดียวกันต้องหาแนวร่วมกับหน่วยงานอื่น เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย ภายใต้แผนกลยุทธ์พัฒนาเพื่อเป็นฐานสำหรับอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในอนาคต” นางนันทวัลย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ เอสเอ็มอี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมก่อสร้างมีมากกว่า 100,000 ราย เฉพาะอุตสาหกรรมก่อสร้างตั้งแต่ปี 46-55 มีอัตราการเจริญเติบโตทุกปี หรือ เพิ่มขึ้น 7% จึงถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การเชื่อมโยงตลาดเออีซีนับเป็นการปูรากฐานและเครือข่ายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งก่อนก้าวอย่างมั่นคงในภูมิภาคอื่น โดยเน้นขยายตลาดธุรกิจก่อสร้างไปยังประเทศเพื่อนบ้าน การสร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์ การใช้ประโยชน์จากแหล่งวัตถุดิบอื่นในประเทศสมาชิกอาเซียน การเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรี และการปรับตัวต่อการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้นจากสินค้านำเข้ามีราคาที่ถูก นางนันทวัลย์ กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจเกี่ยวเนื่องของคลัสเตอร์ก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เริ่มจากอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น การออกแบบก่อสร้าง การพัฒนาและเตรียมสถานที่ ผู้ผลิตและผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนผู้ให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร ส่วนอุตสาหกรรมกลางน้ำ เช่น งานรับเหมาก่อสร้าง งานติดตั้ง งานตกแต่ง งานไม้ งานซ่อมแซม จนถึงส่วนของอุตสาหกรรมปลายน้ำ ได้แก่ กลุ่มพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการก่อสร้างของภาครัฐ เป็นต้น โดยมีหน่วยสนับสนุน เช่น สถาบันการเงิน หน่วยงานราชการ โลจิสติกส์ เป็นต้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ดันก่อสร้างไทยศูนย์กลางอาเซียน

Posts related