เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ได้ส่งผลให้การท่องเที่ยวของไทยไม่สามารถเดินไปถึง “ความฝัน” ที่หวังไว้ เพราะล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ ททท.ได้ออกมาปรับลดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทยเหลือเพียง 25.75 ล้านคน จากเดิมที่เชื่อว่าจะมีมากถึง 26.17 ล้านคน หลังจากเห็นว่าสถานการณ์การเมืองเริ่มมีความรุนแรงเกิดขึ้นแม้จะเป็นความรุนแรงที่ไม่มากนักก็ตาม ที่ผ่านมาทั้งภาคเอกชนและททท.ได้ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อให้รายได้จากการท่องเที่ยวกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรสำคัญเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคง โดยมุ่งหวังว่าภายในปี 58 จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 2.2 ล้านล้านบาท แต่ความฝันความมุ่งหวังกลับมีอันต้องพังทลายลง! เพราะสถานการณ์การเมืองที่ยังคงไม่มีทางออก และไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจากนี้ไปประเทศไทยจะอยู่ในภาวะแช่แข็ง หรือเดินหน้าต่อไปได้… อย่างไรก็ตามในฐานะที่ททท.เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ก็ต้องเร่งสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ ซึ่งการนำภาคเอกชนไปเข้าร่วมงาน ’อินเตอร์เนชั่นแนล ลักซ์ชัวรี่ ทราเวล มาร์เก็ต 2013“ หรือไอแอลทีเอ็ม ที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2-5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอด 9 ปี งานไอแอลทีเอ็ม ถือเป็นงานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวที่สำคัญในตลาดนักท่องเที่ยวระดับหรู และอินเทนซีฟ คอร์เปอเรท ไมซ์ ที่ในปีนี้บรรดาภาคเอกชนไทยทั้ง 18 ราย ไม่ว่าจะเป็นอินดิจิโอ เพิร์ล, ศรีพันวา ภูเก็ต, เดอะ นาคา ภูเก็ต, คาซ่า เดอ ลา ฟอร่า, ศานทิญา  รีสอร์ทแอนด์สปา หรือรายาวดี กระบี่ เป็นต้น ต่างนำผลิตภัณฑ์และการบริการด้านท่องเที่ยวที่หรูหรา ทั้งโรงแรมระดับ 6 ดาวขึ้นไป สนามกอล์ฟ สปาหรู เรือสำราญ  มานำเสนอขายให้กับบายเออร์หรือผู้ซื้อกว่า 1,300 รายจากทั่วโลก โดยที่ผู้จัดงาน ได้นัดหมายผู้ซื้อและผู้ขายให้มาเจรจาซื้อขายสินค้ากันไว้ล่วงหน้าทางระบบออนไลน์ จึงทำให้เอกชนที่ยอมลงทุนควักเนื้อเพื่อเข้าร่วมงานนี้มีโอกาสพบปะกับผู้ซื้อได้มากถึง 45 นัดหมายในช่วง 3 วันของการจัดงาน “ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากกับการเข้าร่วมงานครั้งนี้ แม้จะเป็นเงินเป็นหลักแสนแต่เมื่อแลกกับการขายของได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญยังเป็นการทำตลาดที่ตรงกับเป้าหมาย แม้ว่าบรรดาเอเย่นต์สอบถามถึงเหตุการณ์เมืองไทยกันบ้างแต่ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกไปเที่ยวเมืองไทย เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ชื่นชอบโดยเฉพาะภูเก็ต พังงา สมุย ที่สามารถเดินทางมาได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านกรุงเทพฯ เพราะว่าไทยยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากับการจ่ายเงิน” นายวิจิตร ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ อินดิจิโอ เพิร์ล ภูเก็ต  กล่าว ขณะที่นายสมพงศ์ ดาวพิเศษ ประธานคาซ่า เดอ ลา ฟอร่า เขาหลัก จังหวัดพังงา บอกว่า เวลานี้นักท่องเที่ยวระดับหรูนิยมที่จะเดินทางมาเที่ยวที่ภาคใต้ทั้งภูเก็ต สมุย หรือแม้แต่พังงา ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยการนำสินค้ามาขายโดยตรงกับลูกค้าที่ตรงเป้าหมายโดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มระดับไฮ-เอ็นด์จากยุโรป ทั้งเยอรมนี         สวิตฯ สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า ซึ่งสามารถปิดการขายได้ตามเป้าหมาย ส่วนนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ททท. ระบุว่า แม้ว่าในเวลานี้ตลาดนักท่องเที่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ของไทยจะมีสัดส่วนเพียง 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 25 ล้านคน แต่   ก็ถือว่าสร้างรายได้เข้าประเทศได้เป็นจำนวนมากเพราะในแต่ละรายนั้นมีการ   ใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวปกติ 3-4 เท่า  หรือมีการใช้จ่ายวันละประมาณ 12,000-16,000 บาท ใช้เวลาท่องเที่ยวในแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 15 วัน และที่สำคัญยังพบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 10% จึงถือว่าเป็นตลาดที่ต้องให้ความสำคัญและเร่งขยายให้มากขึ้น ดังนั้นการเข้าร่วมงานไอแอลทีเอ็มจึงถือว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้ผลและเอกชนทุกรายต่างพอใจ เพราะได้ลูกค้าในกลุ่มที่ต้องการทั้งประเภทคู่ฮันนีมูน เล่นกอล์ฟ”  ด้านนายสุรพล เศวตเศรณี ผู้ว่าการ ททท. บอกว่า ภายในปี 58 ททท.จะต้องเป็นเจ้าภาพจัดงานไทยแลนด์ ลักซ์ชัวรี่ มาร์ท เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยให้มากขึ้นโดยคาดหวังว่าในแต่ละปีถ้า ททท.สามารถเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ 1หรือ 2 หรือ 3% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวไทยก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ซึ่ง ททท.ให้ความสำคัญและทำการตลาดกลุ่มลักซ์ชัวรี่มานานหลายปีแล้ว เพราะมองเห็นโอกาสและศักยภาพในการเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะไทยมีสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่อยู่มาก ซึ่งต้องเร่งสร้างการรับรู้ โดยเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ดังนั้น…จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่บรรดาภาคเอกชนไทยจะหันมาให้ความสำคัญกับตลาดนักท่องเที่ยวในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ เพราะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีการใช้จ่ายสูง… ขนาดผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์หรู ๆ อย่าง หลุยส์ วิตตอง, บลูการี หรือ ล็อกซีทาน ยังผันตัวเองโดยหันให้ความสำคัญกับการพัฒนาโรงแรมระดับหรูเพื่อดึงดูดเงินเศรษฐีทั่วโลกเช่นกัน… มาริสา ช่อกระถิน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ททท.ขนทัพเอกชนบุกฝรั่งเศสดึงนักท่องเที่ยวหรูฝ่าวิกฤติชาติ

Posts related