เผยปี 56 ทัวร์จีนเปลี่ยนไป เมินพัทยา แห่ขึ้นเหนือเที่ยวเชียงใหม่ เดินทางเองด้วยรถไฟ ตามรอยหนัง ละครไทย และแอพพ์ ไม่พึ่งบริษัทนำเที่ยว หวังถ่ายรูปประตูท่าแพ และ มช. ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในการสัมมนาวิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เมืองเซี่ยเหมิน มณฑล ฝูเจี้ยน ประเทศจีน จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับทางการจีน นางกรวรรณ สังขกร นักวิจัย(ชำนาญการพิเศษ) สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนองานวิจัย “Modern Chinese Tourist Bahavior in Chiang Mai after the Movie “Lost in Thailand” หรือ พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนสมัยใหม่ในเชียงใหม่หลังภาพยนตร์ ลอสต์อินไทยแลนด์ โดยระบุว่าตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นมาหลังจากการฉายภาพยนต์เรื่องลอสต์ อินไทยแลนด์ ซึ่งมีเนื้อหาว่า มีนักเท่ยวมาาหลงทางในเมืองไทย โดยเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพฯไปถึงเชียงใหม่ พบความประทับใจมากมาย ได้กลายเป็นแรงดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยว ที่เป็นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่เดินทางไป จ.เชียงใหม่มากขึ้น กล่าวคือ สถิติ ในปี 2551 มีเพียง 1 ล้านคน ปี 2554 เพิ่มเป็น 1.7 ล้านคน แต่ในปี 2556 จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 ล้าน หรือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงคาดหมายกันว่า จำนวนอาจถึง 4 ล้านคนในเร็วๆนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวจีนที่ท่องเที่ยวนอกประเทศครั้งแรก จะไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี หากไปครั้งที่สองจะไป จ.ภูเก็ต แต่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เดินทางครั้งแรกก็มุ่งหน้า จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ ดังกล่าว และจากละครโทรทัศน์ รวมถึง แอพพลิเคชั่น แนะนำจ.เชียงใหม่ ที่จัดทำขึ้นในประเทศจีน พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าสู่จ.เชียงใหม่ อย่างมากมาย ก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่นักท่องเที่ยวอื่นไม่ทำกัน โดย นักท่องเที่ยว 95 % จัดการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาบริษัททัวร์ ใช้บริการสายการบินแอร์เอเชียเป็นส่วนใหญ่ ลงที่กรุงเทพ แล้วนั่งรถไฟไป จ.เชียงใหม่ ซึ่งปกติ จะไม่เดินทางวิธีนี้ และเลือกพักตามเกสต์เฮ้าส์หรือบูติกโฮเต็ล แทนการพักโรงแรมขนาดใหญ่ การเดินทางในเมืองเชียงใหม่ ใช้บริการรถตุ๊กตุ๊ก หรือสองแถวสีแดง หรือเช่าจักรยาน จักรยานยนต์ ขับขี่ทั้งที่ไม่รู้กฎจราจร ส่วนจุดหมายและพฤติกรรม การท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะพักที่ จ.เชียงใหม่ 4-5วัน และต้องไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ที่ประตูท่าแพ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีและนักท่องเที่ยวทั่วไปก็ไม่นิยม รองลงมาเป็นดอยสุเทพ กับไนต์พลาซ่า สถานที่ยอดนิยมอันดับ 3 คือที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อถ่ายภาพที่ ป้ายชื่อมหาวิทยาลัย ที่อ่างแก้ว และศาลาธรรม สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นไปตามแบบของภาพยนตร์ จุดหมายถัดมาเป็นวัดพระสิงห์ และถนนคนเดิน ทั้งจะไปรับประข้าวเหนียวมะม่วง ที่ร้านแห่งหนึ่ง ในย่านถนนนิมมานเหมินทร์ โดยส่วนใหญ่ จะถ่ายภาพและแชร์ ทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ชาวจีน นิยม ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้คนอื่นสนใจตามอย่างบ้าง นางกรวรรณ กล่าวว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนสมัยใหม่ตามรอยภาพยนตร์ ครั้งนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรให้ความสนใจ ทำเอกสารเพื่อแนะนำว่า ควรทำตัวอย่างไร โดยเฉพาะการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขับขี่ที่อาจเกิดอันตราย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ทัวร์จีนเบนเข็มมุ่งเชียงใหม่ ตามรอยหนัง ละครไทย
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs