รายงานข่าวจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) เปิดเผยว่า ผลการเข้าตรวจสอบสถานะทางการเงินของธนาคาร ล่าสุดเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าธนาคารมียอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มสูงขึ้น 7,000 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดเอ็นพีแอล คงค้างอยู่ที่กว่า 42,000ล้านบาท หรือเป็น 38% ของสินเชื่อรวม 110,000ล้านบาท เนื่องจากมีลูกหนี้รายใหญ่ตกชั้นเพิ่มขึ้นช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ยอดหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาก และคาดว่าจนถึงสิ้นปี 57 จะมีลูกหนี้รายใหญ่ตกชั้นเพิ่มจนเอ็นพีแอลเพิ่มไปสูงถึง 50,000ล้านบาททั้งนี้ เมื่อเข้าไปดูลูกหนี้ในระบบของสินเชื่อทั้งหมดอย่างละเอียด พบว่ามีลูกหนี้รายใหญ่ที่ไม่มีศักยภาพในการชำระหนี้ และมีแนวโน้มตกชั้นกลายเป็นเอ็นพีแอลได้ในอนาคต หากเกิดกรณีที่ร้ายแรงหากไม่เร่งติดตามลูกหนี้ที่ไม่มีศักยภาพในการทำธุรกิจ คาดว่ายอดเอ็นพีแอลไอแบงก์ อาจสูงขึ้นถึง 80% จนทำให้ธนาคารไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้และอาจต้องใช้วิธีการการควบรวมกิจการกับสถาบันการเงินของรัฐตามที่กระทรวงการคลังได้ศึกษาไว้แล้ว“ลูกหนี้ ธอท.ส่วนมากเป็นรายใหญ่เกือบทั้งหมด ส่วนที่เป็นเอ็นพีแอลเพิ่มช่วงเดือน ส.ค.เพียงเดือนเดียวสูงถึง 7,000 ล้านบาท เกิดจากลูกหนี้รายใหญ่มีไม่กี่จำนวนราย แต่ในแต่ละรายมีมูลค่าหนี้สูงตั้งแต่ 1,000-3,000 ล้านบาท ส่วนการควบรวมเชื่อว่าแบงก์รัฐขนาดใหญ่อย่างธนาคารออมสินและกรุงไทยคงไม่เอา เพราะธนาคารมีขาดทุนสะสมอยู่ถึง 13,000-14,000ล้านบาท ส่งผลกระทบกับธนาคารที่ควบรวมเพราะเป็นการสร้างภาระหนี้เพิ่มขึ้น”รายงานข่าว แจ้งว่า เบื้องต้นจะเรียกลูกหนี้กลุ่มความเสี่ยงดังกล่าวมาหารือแนวทางการประนอมหนี้ หรือวิธีแก้ไขให้ไม่ตกชั้นกลายเป็นเอ็นพีแอลเพิ่ม โดยจะแยกประเภทในส่วนที่มองว่ายังสามารถดูแลได้อยู่ ซึ่งบางส่วนอาจจะต้องมีการขายออกไป และขอเงินเพิ่มทุนจากกระทรวงการคลังที่ธนาคารเสนอไปเมื่อปี 56 จำนวน 5,000 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นใหญ่คือกระทรวงการคลัง 2,500 ล้านบาท ธนาคารออมสินและกรุงไทยรวมกัน 2,500 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากคลังขอดูแผนฟื้นฟู และการตรวจสอบสถานะทางการเงิน(ดิวดิลิเจ้นท์)ก่อน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธนาคารอิสลามหนี้เสียพุ่ง 4.2 หมื่นล้าน

Posts related