นายเกริกวณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลประกาศยุบสภา ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้นส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามพัฒนาการของเหตุการณ์ในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น่าส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) มากนัก “ยอมรับว่าส่วนหนึ่งยังส่งผลกระทบต่อการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน2 ล้านล้านบาทล่าช้าออกไป และอาจทำให้จีดีพีลดลงบ้าง แต่ไม่มากนักส่วนตัวเชื่อว่าหากมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศโครงการต่าง ๆก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่หลักสำคัญคือ ต้องเป็นการใช้เงินลงทุนที่เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในระยะยาวดังนั้นหากโครงการลงทุนจะล่าช้าออกไป ก็ถือเป็นการใช้เวลาคิดทบทวนด้วยความรอบคอบอย่างมีเป้าหมายและประสิทธิภาพก่อนตัดสินใจลงทุนไม่ใช่ใช้เงินแบบรีบ ๆ ร้อน ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วค่อยมาคิดทีหลัง สุดท้ายจึงนำความเสียหายมาสู่ประเทศทุกครั้ง” สำหรับทิศทางการปล่อยสินเชื่อที่อาจชะลอลงหลังจากโครงการลงทุนต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั้นมองว่าการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินไม่น่าจะชะงักงันเนื่องจากภาคเอกชนยังคงมีการดำเนินกิจการต่อเนื่อง แม้ยอมรับอาจมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้รับความเดือดร้อนบ้าง แต่อย่างไรก็ดีมั่นใจว่าหากสถานการณ์การเมืองในประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจก็จะกลับมาเป็นปกติได้โดยเร็วเช่นกัน “ขณะนี้ความห่วงใยต่อประเทศชาติมีมากเกินไปก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรประเทศมากนัก อย่างไรก็ดี ควรใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินสิ่งต่างๆ  เนื่องจากประเทศไทยเริ่มกำลังเข้าสู่ความมีเหตุและมีผลมากขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา” นายไพบูลย์กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยหลังรัฐบาลยุบสภายังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้เพราะยังไม่รู้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะดำเนินการอย่างไรหลังจากนี้ จึงต้องรอติดตามและประเมินสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธปท.คาดบรรยากาศลงทุนดีขึ้นหลังยุบสภา

Posts related