นางรุ่งมัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เป็นห่วงว่าหากสถานการณ์การเมืองยังคงยืดเยื้อ หรือมีความรุนแรงเกิดขึ้นประกอบกับการส่งออกชะลอกว่าที่คาดการณ์ไว้อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตต่ำกว่า 3% ขณะที่เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมากนง.ได้ปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 57 ลงเหลือ 3% จากเดิมที่ 4%เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายและการลงทุนของภาครัฐทั้งทางตรงคือระบบเศรษฐกิจและส่งผลทางอ้อมคือความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ทำให้ต้องชะลอการลงทุนออกไป “ตอนนี้เห็นว่าภาครัฐไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ซึ่งมันก็มีผลต่อเนื่องถึงการจัดทำงบประมาณในปี 58 ที่จะต้องล่าช้าออกไปดังนั้นไม่ว่าตอนนี้ใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลมันก็ต้องล่าช้าแน่นอนแต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นแต่จะเข้มแข็งมากน้อยเท่าไหร่นั้นต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองและการเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนของภาครัฐเป็นหลักรวมทั้งต้องติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดด้วย” อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดทำงบประมาณปี 58 ที่อาจจะต้องล่าช้าออกไปนั้นคาดว่าจะมีการเร่งการใช้จ่ายในช่วงท้ายของปีแต่ก็ยอมรับว่าน่าจะเบิกจ่ายได้ไม่ตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อเทียบกับสภาวการณ์ปกติและต้องยอมรับว่าไม่ว่าผลการเลือกตั้งใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ในเรื่องของการลงทุนหรือการเบิกงบเพื่อใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นก็ต้องมีความรวบคอบและรัดกุม โปร่งใสเพื่อให้สังคมสามารถตรวจสอบได้ซึ่งยอมรับว่าทุกขั้นตอนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและอาจส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณมีความล่าช้าออกไปอีก ส่วนภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น สะท้อนจากมีเงินไหลออกเล็กน้อย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าเงินบาท รวมถึงตลาดการเงินเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆมากขึ้นแม้ล่าสุด กนง.จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ต่อปีก็ไม่ได้ส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนหรือเปลี่ยนแปลงมากนัก โดย ธปท.ประเมินว่าในช่วงที่ผ่านมาที่มีเงินทุนไหลออกค่อนข้างแรงและค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วนั้น เกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน คือการตัดสินใจลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (คิวอี3)ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เงินทุนไหลกลับมากขึ้น และปัญหาการเมืองในประเทศเข้ามาประกอบกัน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธปท.ชี้การเมืองยืดเยื้อทำจีดีพีต่ำกว่า3%

Posts related