นางสาลินี วังตาลผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ร่วมกับกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในการจ่ายค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)เพื่อขอสินเชื่อใหม่จากธนาคาร ในสภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว โดยตามปกติผู้ประกอบการจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน 1.75%สำหรับสินเชื่อทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ขยายตัว 9.8% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เติบโต 13.15% โดยแบ่งเป็นสินเชื่อรายใหญ่ 6.9% สินเชื่อเอสเอ็มอี 11.7% และสินเชื่อรายย่อย 10.7% นอกจากนี้ยังพบว่าสินเชื่อรายย่อยที่ชะลอตัวลงแรง มาจากสินเชื่อรถยนต์ที่เติบโต 2.5% ลดลงจากที่ผ่านมา ที่ขยายตัวได้ 30% และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเติบโต7%จากเดิมที่เคยขยายตัวกว่า20%ส่วนสินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังเติบโต 12%“หากเราจะมองภาพการขยายตัวของสินเชื่อของระบบธนาคาร จะเห็นว่ายังเติบโตได้พอสมควร อีกด้านหนึ่งที่ทำให้รู้สึกดีก็คื อสินเชื่อของเอสเอ็มอีที่ยังเติบโตได้ถึง11.7%จากระยะเดียวกันของปีก่อนที่โต14%จากช่วงเดียวกันของปี55แม้จะเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ชะลอลง แต่ก็เป็นเรื่องปกติตามสภาวะการณ์ของเศรษฐกิจปัจจุบัน อย่างไรก็ตามต้องเรียกว่าการขยายตัวของสินเชื่อรายใหญ่ไม่ใช่เป็นเพียงโครงการที่เกิดขึ้นในประเทศแต่ยังรวมถึงการที่ลูกค้าของแบงก์ไปทำธุรกิจในประเทศเพือนบ้าน และประเทศจีนด้วยยอกจากนี้ก็จะมีในส่วนของการออกหุ้นกู้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหากช่วงใดมีการออกหุ้นกู้มากการขอสินเชื่อจากแบงก์ก็จะมีน้อย”ส่วนคุณภาพของเงินให้สินเชื่อนั้นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) รวมทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ 2.3%ณ สิ้นเดือนมี.ค.57ทรงตัวจากช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยอมรับว่า แม้เอ็นพีแอลจะทรงตัว แต่ในส่วนของปริมาณเงินอาจเพิ่มขึ้นบ้าง 2,000-3,000 ล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อขยายตัวมากขึ้น และยืนยันว่า ธปท.ไม่ได้หนักใจกับตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังบริหารจัดการได้ สำหรับในส่วนของสินเชื่อที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (เอสเอ็ม) ในกลุ่มเอสเอ็มอีขยายตัว2.1%รายย่อยอยู่ที่2.4%โดยสัดส่วนดังกล่าว ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันซึ่งปัจจัยหลักสำคัญมาจากการที่ธนาคารพาณิชย์เข้าไปดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นการยืดอายุหนี้ให้กับลูกค้า เพื่อลดการชำระเงินต้นลดลงและยังสามารถชำระดอกเบี้ยได้อยู่เป็นต้น ธปท.ยืนยันว่า ปัจจุบันระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยในส่วนของสินเชื่อยังสามารถขยายตัวได้โดยธนาคารยังคงทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำเงินที่รับฝากจากประชาชนไปปล่อยกู้ให้กับกิจการรายเล็กหรือรายย่อยได้ดีอย่างสมเหตุสมผลขณะที่ทางด้านของคุณภาพสินเชื่อก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกทั้งจากการตรวจสอบในส่วนของผลกำไรของธนาคารก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีในไตรมาส1ของปีนี้ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มไม่ค่อยจะสู้ดีนักหรือสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มมีปัญหานอกจากนี้จากการทำบททดสอบภาวะวิกฤติ (สเตรทเทส)ของ ธปท. โดยการตั้งสมมุติฐานแบบเลวร้ายมากที่สุดที่สภาวะเศรษฐกิจยังคงซบเซาไปจนถึงประมาณ1-2ปี ระบบของธนาคารพาณิชย์ก็จะยังคงสามารถดำรงอยู่ได้ในการเป็นเสาหลักของประเทศโดยไม่มีปัญหา ถึงแม้ว่าตัวเลขเอ็นพีแอลจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม เนื่องจากเงินกันสำรองของธนาคารที่เผื่อเอาไว้มีอยู่ในปริมาณที่เพียงพอ โดยปัจจุบันมีส่วนเกินอยู่ 157% หรือคิดเป็นเงินกว่าแสนล้านที่กันสำรองเผื่อไว้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธปท.ผนึก สสว.กู้ชีวิตเอสเอ็มอี

Posts related