24 ก.ย.นี้ ถือเป็นวันแรกของ “เทศกาลกินเจ” ประจำปี 57 ที่เป็นที่รอคอยของใครหลายคน ทั้งกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการทำบุญ รวมไปถึงบรรดาเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจ โดยปกติแล้วการกินเจนั้นได้เริ่มตั้งแต่ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ยาวต่อเนื่องไปถึง 9 วัน 9 คืน แต่ในปีนี้…กลายเป็นปีที่พิเศษ เพราะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 132 ปี ที่ตามปฏิทินจีนแล้วปรากฏว่า มีเดือน 9 ถึง 2 ครั้ง ซึ่งเท่ากับว่าจะมีการกินเจถึงสองรอบ!  รอบแรก…จะเริ่มระหว่างวันที่ 24 ก.ย.-2 ต.ค. นี้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเทศกาลตามปกติของทุก ๆ ปี ขณะที่ในรอบสองหรือรอบเสริมจะเริ่มต้นในวันที่ 24 ต.ค.-1 พ.ย.  ดังนั้น! จึงกลายเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจ ทั้งผู้ประกอบการค้าปลีก ผู้ผลิตสินค้าหรือซัพพลายเออร์ รวมไปถึงผู้ประกอบการด้านอาหารเจ เพราะเหมือนได้ “โชคสองเด้ง” เพราะการกินเจเริ่มแพร่หลาย คนนิยมกินมากขึ้น ทั้งในแง่ของการกินตามเทศกาล รวมถึงการกินเพื่อสุขภาพด้วย นอกจากนี้กลุ่มคนที่กินเจก็เริ่มขยายจากผู้ใหญ่ เข้ามาสู่วัยรุ่นมากขึ้นตลาดอาหารเจจึงเติบโตแบบก้าวกระโดด เห็นได้จากแนวโน้มการใช้จ่ายช่วงกินเจเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าเพียง 26,500 ล้านบาท แต่ได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในปี 56 กว่า 40,000 ล้านบาท ทีเดียว หนุนเศรษฐกิจพุ่ง2%  ขณะที่ในปี 57 นี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ออกมาประเมินถึงวงเงินสะพัดตลอดเทศกาลกินเจ ว่า จะทะยานพุ่งขึ้นถึง 27.7% หรือเป็นวงเงินกว่า 51,270.16 ล้านบาท ทั้งที่ปีก่อน ๆ จะเติบโตในระดับเลขตัวเดียวเท่านั้น ที่สำคัญเงินสะพัดในเทศกาลกินเจปีนี้ ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 7 ปี เพราะมีการกินเจกันถึง 2 รอบทีเดียว ซึ่งทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า เรื่องนี้…ได้กลายมาเป็นเรื่องที่ดีของเศรษฐกิจไทยทีเดียว เพราะจะเป็นแรงผลักดันสำคัญอีกแรงหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ที่ 2% ตามที่คาดการณ์กันไว้ แม้ว่าเทศกาลกินเจปีนี้จะมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย แต่หากมาดูในภาพรวมแล้ว ก็ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะหากเปรียบเทียบเฉพาะรอบแรกระหว่างวันที่ 24 ก.ย.–2 ต.ค. 57 คาดว่าจะมีมูลค่าการใช้จ่ายเพียง 41,012.34 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 2.1% ซึ่งต่ำสุด ในรอบ 7 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจยังซบเซาทำให้ประชาชนระวังการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้า ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายรอบ 2 ระหว่างวันที่ 24 ต.ค.–1 พ.ย. 57 มีมูลค่า 10,257.82 ล้านบาท เช่นเดียวกันข้อมูลของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ได้สำรวจพฤติกรรมคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยประเมินว่า ในการกินเจรอบแรกนี้ วงเงินค่าใช้จ่ายในด้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจ จะสะพัดมากกว่า 3,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.6% หรือเฉลี่ยแล้วจะมีค่าใช้จ่ายตกวันละ 240 บาทต่อคน จากปีที่แล้วที่ 200 บาทต่อคน หากจะหาที่มาของค่าใช้จ่ายที่ทะยานขึ้น สาเหตุหลัก ๆ คงมาจากราคาผักที่ปรับเพิ่มขึ้นประจำในช่วงกินเจ จนเป็นวัฏจักร ซึ่งจากการสำรวจราคาผักจากตลาดไทพบว่า ราคาผักและผลไม้ปีนี้ปรับตัวขึ้นประมาณ 20-30% เช่น ผักคะน้าในเดือนส.ค. อยู่ที่ กก.ละ 15 บาท และขยับขึ้นเป็น 20 บาท ในเดือน ก.ย. หรือ ผักบุ้งจีนที่ขยับจาก กก.ละ 12 บาท เป็น 14.50 บาท เช่นกัน เร่งปรับตัวเรียกกำลังซื้อ  แต่เพราะปัญหากำลังซื้อที่เรื้อรังมาตั้งแต่ปีก่อนจนถึงขณะนี้ ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มร้อย ทำให้ผู้บริโภคต้องคิดให้หนัก ก่อนจะเลือกซื้อหาสินค้า ขณะที่บรรดาผู้ประกอบการเอง ก็ต้องงัดลูกเล่น…ทั้งการออกสารพัดโปรโมชั่น รวมไปถึงการเฟ้นหาสินค้าที่โดดเด่นมาจำหน่าย เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เรียกกระแสกำลังซื้อกลับคืนมาให้ได้!  เห็นได้จากซูเปอร์มาร์เกตรายใหญ่ ที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้รู้จริงเรื่องการกินอยู่อย่าง “กูร์เมต์ มาร์เก็ต และโฮมเฟรชมาร์ท” ที่ในปีนี้ ยอมทุ่มงบประมาณในการจัดงานในช่วงเทศกาลกินเจกว่า 12 ล้านบาท ชูจุดเด่นด้านความหลากหลายของวัตถุดิบ ที่เฟ้นหามาจากแหล่งชั้นนำในแต่ละท้องถิ่น เพื่อสร้างจุดแตกต่าง เรียกความสนใจ เพราะหากจะขายสินค้าเจแบบเดิม รายได้คงน้อยลงล้อไปกับกำลังซื้อที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่สำคัญยังเชื่อมั่นว่าในยุคสมัยนี้ผู้บริโภครู้เท่าทันสถานการณ์หลายอย่างมากยิ่งขึ้น มีการหาข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นจึงรู้ดีว่าควรควักเงินจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอย่างไร และพร้อมจ่ายมากกว่าเพื่อซื้อคุณภาพ ประกอบกับปีนี้มีการกินเจสองครั้ง เชื่อว่าจะทำบรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ สินค้าที่นำมาจำหน่ายมีผักและผลไม้ทั่วไปและของขึ้นชื่อ ทั้งเต้าหู้ดำ ของดังประจำราชบุรี หรือ มังคุดคีรีวง บนเทือกเขาหลวง นครศรีธรรมราช นอกจากนี้ยังได้นำร้านอร่อยในเยาวราช รวมถึงร้านชื่อดังทั่วไทยเข้ามาจำหน่ายกว่า 500 ร้าน หรือ 5,000 เมนู เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนที่ไม่อยากซื้อวัตถุดิบไปปรุงอาหารเจทานเองอีกด้วย พร้อมทั้งมั่นใจว่ายอดขายเจในปีนี้จะเติบโตกว่า 20% จากปกติที่เติบโต 10-15% จากการกินเจครั้งเดียว จัดโปรโมชั่นพิเศษ  ส่วนห้างค้าปลีกสมัยใหม่รายใหญ่ ต่างใช้แนวคิดในเรื่องของการจำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของผู้บริโภค โดยนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจมาจำหน่าย ทั้งกลุ่มผักสดที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 19 บาท ผลไม้สด ราคาเริ่มต้นที่ 25 บาท และของสดเจราคาเริ่มต้นที่  15 บาท นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษเฉพาะวันสำหรับสินค้าแต่ละอย่าง เช่นวันที่ 20 ก.ย. 57 จะลดราคาแครอทนอก เหลือ กก.ละ 15 บาท ไม่เพียงเท่านี้บรรดาห้างค้าปลีกยังเน้นไปในเรื่องของการนำอาหารพร้อมทานมาจำหน่ายมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนยุคใหม่ โดยเพิ่มเมนูอาหารพร้อมปรุงกว่า 5-10% ตั้งแต่ของทานเล่น ในกลุ่มของทอด ไปจนถึงอาหารประจำมื้อในราคาเบา ๆ เริ่มต้นที่ 10 บาทเท่านั้น โดยมองว่ากำลังซื้อของคนไทยในเวลานี้เริ่มกลับคืนมาแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ครบ 100% ก็ตาม ดังนั้นผู้ประกอบการต้องช่วยกันกระตุ้นบรรยากาศการกินเจให้คึกคัก โดยหลายรายมองกันว่าการจัดกิจกรรมทางการตลาดน่าจะทำให้ยอดขายสินค้าเติบโตเท่า ๆ กับปีก่อนที่ประมาณ 5-10%  เซเว่นฯ เปิด 400 เมนูเจ  หันมาที่ร้านสะดวกซื้ออย่าง “เซเว่น อีเลฟเว่น” ได้นำสโลแกน “เจทุกมื้อไม่ซ้ำ พบกันที่เซเว่น อีเลฟเว่น” มาเขย่ากำลังซื้อเพิ่มเติม โดยเปิดตัวเมนูเจกว่า 400 รายการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 100 รายการ ครอบคลุมอาหาร 3 มื้อ รวมไปถึงขนมกินเล่นและเครื่องดื่ม เพื่อตอบสนองกับกระแสความนิยมในการกินเจที่เพิ่มขึ้น พร้อมยืนราคาสินค้าเท่ากับช่วงเจปีก่อน คือเริ่มต้นที่ 29 บาท เท่านั้นสำหรับอาหารพร้อมทาน เพราะได้วางแผนสั่งสินค้าล่วงหน้าก่อนที่ราคาจะขึ้น เพื่อนำมาประกอบอาหารแช่แข็งต่าง ๆ ไว้แล้ว จึงสามารถควบคุมราคาไม่ให้ปรับสูงขึ้นได้ โดยเซเว่นฯ เองมั่นใจมากว่า ยอดขายจะเติบโตได้ถึง 20% หรือ 600 ล้านบาท  เพราะได้รับอานิสงส์จากความต่อเนื่องในการกินเจ ที่ยาวเกือบ 3 สัปดาห์ ประกอบกับผู้บริโภคมีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยเต็ม 100%  โอกาสทองเอกชน     ด้าน “แฟมิลี่มาร์ท” เองมองว่า เทศกาลเจในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสทองของผู้ค้าที่จะได้กระตุ้นยอดขายกันแบบยาว ๆ หลังเพิ่งจะพ้นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจไป โดยปีนี้แฟมิลี่มาร์ท จัดหนัก ด้วยการขนสินค้ากว่า 300 รายการ ครอบคลุมทุกมื้ออาหารให้ชาวเจ รุกอาหารพร้อมรับประทานมากเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่นิยมความสะดวกสบาย โดยเปิดตัวเมนูใหม่มากมาย เช่น ผัดหมี่จักรพรรดิ, สปาเกตตีผัดขี้เมาเจ และขนมหวาน ทั้งเต้าส่วน, ข้าวเหนียวถั่วดำ หรือแม้แต่กล้วยบวชชี ในราคาเริ่มต้นที่ 12-49 บาท พร้อมมอบส่วนลดพิเศษถึง 20% สำหรับสินค้าที่ร่วมโปรโมชั่น “จับคู่อิ่ม ราคาพิเศษ 15 บาท จากปกติ 19”  งานนี้….ใครจะโกยยอดขายได้มากหรือน้อย! คงต้องรอกันไปจนกว่าจะจบเทศกาล แต่ที่ไม่ต้องรอ…ก็คือคนที่รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ คงหนีไม่พ้นผู้บริโภคชาวไทยอย่างแน่นอน.  พิชชาพร อยู่เลี้ยงพันธ์

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธุรกิจเกาะกระแสเทศกาลกินเจ ชิงเค้กก้อนใหญ่กว่า 5 หมื่นล้าน

Posts related