นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้  คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์  หรือ พิกบอร์ด เข้าไปตรวจสอบต้นทุนและโครงสร้างราคาจำหน่ายสุกรทั้งระบบหลังจากที่เนื้อหมูในตลาดสดราคาปรับขึ้นสูงเกินกว่าราคากลางที่กรมการค้าภายในกำหนด140-145 บาทต่อกิโลกรัม  โดยสาเหตุที่ทำให้ราคปรับขึ้นสูงมาจากสภาพอากาศร้อนจัดทำให้สุกรโตช้า และการเกิดโรคระบาย ส่งผลให้สุกรหายจากระบบไป 20-30%  ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้ากรมการค้าภายใน จะเชิญสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รวมทั้งผู้ประกอบการเขียงหมู มาหารือเพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาขายหมูเนื้อแดงหน้าเขียงไม่ให้เกิน155 บาทต่อกก.หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าราคาหมูเนื้อแดงอาจจะขยับขึ้นสูงถึง 160 บาทต่อกก.   รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าราคาหมูเนื้อแดงในตลาดสด โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในรอบ1 เดือน หลังจากที่เคยปรับขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน 150-155 บาทต่อกก.และปรับลดราคาลงมาเหลือ 140-145 บาทต่อกก. แต่ปัจจุบันราคาได้ขยับขึ้นไปสูงถึง150-155 บาท/กก. และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นไปถึง 160 บาทต่อกก.เนื่องจากปริมาณหมูหายไปจากระบบ 10-15% หรือหายไปประมาณ 50,000ตัว จากปริมาณหมูทั้งระบบ 850,000 ตัวต่อเดือน   สำหรับการบริโภคเนื้อหมูมีความการบริโภคหมูอยู่ประมาณ 40,000 ตัวต่อวันโดยพื้นที่กรุงเทพฯมีความต้องการบริโภคมากถึง 12,000 -13,000ตัวต่อวันแต่ปริมาณหมูที่เข้าสู่ระบบลดลง 5-10% ต่อวัน หรือมีหมูเข้าสู่ระบบลดลงเหลือ 38,000-39,000  ตัวต่อวันอย่างไรก็ตามแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 160 บาทต่อกก.คาดว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากเป็นผลทางจิตวิทยาเมื่อราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น คนจะหันไปบริโภคโปรตีนชนิดอื่นทดแทน   อย่างไรก็ตามคาดว่ามาตรการที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาดูแลราคาหมูทั้งระบบนอกจากการขอความร่วมมือตรึงราคาหน้าเขียงให้จำหน่ายไมเกิน 155 บาทต่อกก.แล้วอาจจะใช้มาตรการห้ามส่งออกหมูไปประเทศเพื่อนบ้านซึ่งต้องใช้อำนาจของคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เป็นผู้อนุมัติเพื่อให้เกิดผลทางจิตวิทยาภายในประเทศ ในการเพิ่มปริมาณหมูเข้าสู่ระบบและราคาอาจอ่อนตัวลงมา รวมทั้งแทรกแซงผ่านโครงการธงฟ้าโดยนำเนื้อหมูราคาถูกมาจัดโปรโมชั่นช่วยเหลือประชาชน เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนก่อน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : นายกสั่ง พิกบอร์ดรับมือราคาหมูพุ่งหน้ารัอน

Posts related