นายอุดมวงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธาน เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาได้เห็นชอบส่งเสริมโครงการลงทุนเพิ่มเติมอีก 15 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน51,526.5 ล้านบาท ทำให้ล่าสุดมีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว92 โครงการ รวมมูลค่า 258,678 ล้านบาท คิดเป็น35% ของโครงการที่ค้างอยู่ประมาณ 742,890ล้านบาท โดยคาดว่า ส่วนที่เหลือจะสามารถพิจารณาได้เสร็จภายในเดือนส.ค.นี้ สำหรับโครงการลงทุนที่ได้ผ่านการเห็นชอบส่วนใหญ่เป็นเรื่องพลังงาน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ก๊าซธรรมชาติ และผลิตผลทางการเกษตรวงเงินประมาณ 34,000ล้านบาท รองลงมาเป็นด้านยานยนต์และชิ้นส่วน มีกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลระยะที่ 2 หรือ อีโคคาร์ 2 เงินลงทุน 9,727.5 ล้านบาท ของบริษัทออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กิจการเกษตรแปรรูปและอุตสาหกรรมเบา วงเงิน 4,300ล้านบาท และกิจการผลิตกระจกเคลือบผิวกันรังสี เงินลงทุน 1,500 ล้านบาท ของบริษัท การ์เดียนอินดัสทรีส์ ระยอง จำกัด ทั้งนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้บีโอไอกลับไปปรับปรุงยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนของประเทศฉบับใหม่ในระยะ7 ปี (58-64) ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาในครั้งหน้า โดยตามนโยบายใหม่ ได้กำหนดเป้าหมายกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องเป็นกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศระยะยาว เน้นการส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนไทยไปต่างประเทศเชื่อมโยงกับการเปิดประชาคมอาเซียน สนับสนุนกิจการที่เป็นเอสเอ็มอี และให้ลดการยกเว้นหรือลดหย่อนสิทธิพิเศษทางภาษี โดยเฉพาะภาษีเงินได้ของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนลงเพราะปัจจุบันไทยจำเป็นต้องนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปพัฒนาประเทศอีกหลายด้าน “การปรับลดการสูญเสียภาษีเงินได้มีอยู่2 เรื่อง คือ ถ้าปรับลดประเภทกิจการให้น้อยลงแล้วไปเน้นกิจการเป้าหมายที่ต้องการส่งเสริมให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศจริงก็ช่วยลดภาษีได้รวมทั้งปรับสิทธิประโยชน์ที่ให้แต่ละประเภทกิจการ ถ้าปรับให้น้อยลงก็ช่วยลดภาษีได้เช่นกันในรายละเอียดบีโอไอจะไปหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้งว่า กระทรวงการคลังจะมีข้อคิดเห็นอย่างไรโดยจากการวิเคราะห์ของบีโอไอเอง แต่ละปีรัฐก็สูญเสียภาษีประมาณ 50,000 – 60,000ล้านบาท ถ้าปรับลงแล้ว ได้ลองคำนวณคร่าวๆ คาดว่าจะช่วยลดการสูญเสียภาษีลงได้ถึง50%” นโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้เสนออนุกรรมการไปแล้ว และเสนอชุดใหญ่ได้พิจารณาวันนี้ด้วย กรอบของนโยบายใหม่เดิมกำหนด 5 ปี แต่ให้สอดคล้องแผน 12 ได้ขยายเพิ่มอีก 2 ปีให้จบแผน 12 ปี 58-64 โดยกำหนดเป้าหมายไว้หลายเรื่องหลัก คือยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไทยหลุดพ้นกับดำประเทศรายได้ปานกลาง จึงปรับกิจการเป้าหมายที่จะได้รับการส่งเสริมการลงทุนกอุตใช้เทคที่สูงขึ้น เน้น การใช้ฐานความรู้ประเทศพัฒนาอุตสาหกรรม ให้มีศักยภาพแข่งขันที่สูงขึ้นปรับเปลี่ยนการให้สิทธิพิเศษ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บอร์ดบีโอไอไฟเขียนลงทุนเพิ่ม

Posts related