นายพิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำในช่วงปลายปีจนถึงต้นปีหน้ายังผันผวน ตามภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นแต่ยังไม่เต็มที่ ขณะที่ยุโรปและจีนยังมีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว โดยมองว่าทองคำยังเป็นสิ่งที่นักลงทุนยังให้ความสนใจลงทุน เพราะขาดทุนน้อยกว่าการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ประเภทอื่น ซึ่งแนวโน้มทองคำแท่งในประเทศมีความเป็นไปได้ที่จะแตะบาทละ 18,000 บาท ถ้าเงินบาทแข็งค่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่ทองคำแท่งราคาซื้อบาทละ 18,600 บาท และขายออกบาทละ 18,700 บาท ขณะที่เงินบาทอยู่ะดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ต้องดูว่าธนาคารในแต่ละประเทศ เช่น รัสเซีย จีน อินเดียได้ทยอยซื้อทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะมีผลต่อราคาในตลาดโลกนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำอยู่ในช่วงปรับฐาน ราคาอาจจะปรับลดลงบ้าง ซึ่งราคาทองคำในตลาดโลกปัจจุบันอยู่ที่ 1,218-1,219 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และอาจปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งคนที่ซื้อทองคำในราคาสูงควรซื้อเฉลี่ยและขายออกเมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น แต่คนที่ยังไม่ซื้อสามารถทยอยซื้อไว้ได้ เพราะราคาเริ่มลดลงแล้ว โดยราคาตลาดโลกลดลง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระวังคือการเก็งกำไรของกองทุนต่าง ๆ อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น“การเคลื่อนไหวราคาทองคำที่กำหนดไว้เฉลี่ย 1,180 -1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อทองคำคือภาวะเศรษฐกิจโลก สงคราม และการก่อการร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บาทแข็งกดทองแท่งหลุด18,000 บาท

Posts related