นายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการพาณิชย์ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยกำลังพิจารณาปรับตารางเที่ยวบินสำหรับฤดูกาลใหม่ โดยประเมินจากผลกระทบจากปัญหาการเมืองที่ชุมนุมยืดเยื้อ ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงปัจจัยอื่น เช่น ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญจากประเทศจีน เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้โดยสาร “ปกติการบินไทย จะปรับตารางเที่ยวบินเป็นประจำทุกฤดูกาลอยู่แล้ว ซึ่งจะมีทั้งปรับลด และเพิ่มให้เหมาะสมกับตลาด โดยปีนี้ก็จะมองปัจจัยหลายด้าน รวมทั้งผลกระทบทางการเมืองด้วย” สำหรับเส้นทางที่ได้รับผลกระทบชัดเจน ได้แก่ ตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งบางเมืองมีผู้โดยสารต่ำกว่าเป้าหมาย เช่น กรุงเทพฯ-ฉางซา ที่เพิ่งเปิดเมื่อปลายปีที่แล้ว มีอัตราผู้โดยสารเพียง 50-60% น้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 70% ขึ้นไป ส่วนภาพรวมของนักท่องเที่ยวจีน ก็ได้รับผลกระทบแตกต่างกัน และอยู่ในช่วงปรับตัว จากมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งกำลังเร่งทำแผนสรุปอีกครั้ง ด้านนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น แม้จะมียอดลดลงบ้าง แต่ยังเป็นตลาดหลักอยู่ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าการบินไทยยกเลิกเส้นทาง กรุงเทพฯ-เซนได จากปกติบิน 3เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และลดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ฮอกไกโดจาก 7 เที่ยวบิน เหลือ 5 เที่ยวบิน ถือเป็นแผนที่วางไว้อยุ่แล้ว เพราะตรงกับช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น) ก็ลดลงเป็นปกติ แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หยุดบิน เพราะปัญหาการเมืองแต่อย่างใด โดยในส่วนเซนได เมื่อถึงเดือนก.ค.ก็จะกลับมาบินเหมือนเดิม นอกจากนี้ เดือนมี.ค.จะเพิ่มเที่ยวบินกรุงเทพฯ -ฮาเนดะ อีก 1 เท่าตัว จาก 7 เที่ยวบิน เป็น 14 เที่ยวบิน นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า สำหรับการจัดงาน เที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 20-23 ก.พ.นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ยอดผู้ประกอบการที่จองบูธขายแพ็กเกจในงานลดลง จาก 1,100 บูธ เหลือเพียง 750 บูธ รวมถึงองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ก็ลดลงจาก 22 องค์กร เหลือ 16 องค์กร เนื่องจากผู้ประกอบการต่างชาติไม่มั่นใจ และส่วนหนึ่งย้ายไปจัดที่ประเทศอื่นแทน ส่งผลให้เงินสะพัดในงานนี้จะเหลือ 300 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาทำรายได้กว่า 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้จัดงานยังต้องการจัดงานนี้ต่อไป เพราะเป็นงานมหกรรมการท่องเที่ยวประจำปี และเพื่อช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย “ตั้งแต่ต้นปี 57 ตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศ (เอาท์บาวด์) ก็มีกระแสไม่แรงอยู่แล้ว และช่วงตรุษจีนก็ลดลงไป 25-30% เพราะอยู่ในช่วงเหตุการณ์ทางการเมืองพอดี หากการจัดงานวันที่ 20-23 ก.พ.นี้ ไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ก็จะเป็นสัญญาณของทั้งปีได้ชัดเจนเลยว่าทัวร์เอาท์บาวด์ปีนี้จะดีหรือไม่” สำหรับตลาดเอาท์บาวด์ที่ยังเดินทางไปต่างประเทศบ้าง คือ นักท่องเที่ยวอายุ 25-35 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและเดินทางระยะใกล้ได้ โดยเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยังคงเป็น ญี่ปุ่นที่เดินทาง 60% อันดับ 2 คือ เกาหลีใต้ ส่วนตลาดที่คาดว่าจะหายไปมากที่สุด คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับสูง ที่ไม่เดินทางเลย เพราะส่วนใหญ่จะไปร่วมการชุมนุม และกลุ่มงานราชการที่จะต้องมีการสัมนา หรือไปท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (อินเซนทีฟ) ก็หายไป 25% เพราะไม่มีรัฐบาลถาวร จึงทำให้ไม่สามารถออกงบประมาณได้ เที่ยวบินของสายการบินไทยที่บินเส้นทางกรุงเทพฯ-เซนได ที่บินสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งเริ่มเปิดเส้นทางไปเมื่อ ต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่าน ได้ยกเลิกเที่ยวบินแล้ว โดยเที่ยวสุดท้ายที่บินก็คือ วันที่ 31 มี.ค.นี้ เนื่องจากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองทำให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไม่กล้าเดินทางมาไทย จึงมีเพียงคนไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถทำกำไรได้ นอกจากนี้การบินไทยก็กำลังพิจารณาลดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ฮอกไกโด มาด้วยจากบินวันละ 1 เที่ยวต่อสัปดาห์ ก็อาจเหลือ 3-4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพราะคนญี่ปุ่นมาเมืองไทยน้อยลง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บินไทยปรับตารางการบินรับฤดูกาลใหม่

Posts related