นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชยเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่องอีโคคาร์เฟส2 สานฝันยานยนต์ไทยสู่ 3 ล้านคัน ว่า สำหรับเงื่อนไขส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลรุ่นที่ 2 ที่ได้กำหนดขึ้นมานั้น บีโอไอเป็นเพียงผู้กำหนดเงื่อนไขหลัก ๆเท่านั้น ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับค่ายรถยนต์เสนอมา ทั้งเรื่องขนาดเครื่องยนต์ เชื้อเพลิงที่ใช้ เป็นต้น ถ้าเป็นไปตามหลักการ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ส่วนจะได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตอัตราเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนดเช่น การเลือกใช้เชื้อเพลิงพลังงานทางเลือก เป็นต้น ทั้งนี้บีโอไอมั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายเดิมหรือรายใหม่ ต่างได้สิทธิประโยชน์จำนวนมากแน่นอนหรือโดยเฉพาะรายเดิมที่จะมีทางเลือกมากขึ้น ทั้งสามารถขยายการลงทุนจากเฟสแรกได้ไม่จำกัดเงินลงทุนและยื่นเฟส 2 เป็นโครงการใหม่เป็นต้น ขณะที่รายใหม่ที่สนใจ เช่น บริษัทร่วมทุนของซีพีทีจับมือกับค่ายรถยนต์ทาทา จากที่เคยถอนตัวไปจากโครงการระยะแรก สำหรับอีโคคาร์  เฟส 2 สามารถยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 57กำหนดมูลค่าเงินลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 6,500 ล้านบาทต้องลงทุนผลิตแบบครบวงจร  ทั้งการประกอบรถยนต์และการผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์มีปริมาณการผลิตไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปี นับตั้งแต่การผลิตปีที่ 4 เป็นต้นไปได้กำหนดสเปคของเครื่องยนต์ตามมาตรฐานยูโร 5 ที่ให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่เกิน100 กรัม/กม. มีอัตราการใช้น้ำมันไม่เกิน 4.3 ลิตร/ 100 กม.หากเป็นเครื่องยนต์เบนซินมีขนาดไม่เกิน 1,300 ซีซีส่วนเครื่องยนต์ดีเซลมีขนาดไม่เกิน 1,500 ซีซีโดยค่ายรถยนต์ที่ผ่านเงื่อนไขสามารถเริ่มผลิตได้ในปี 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์ต่างมีข้อสงสัยเรื่องของเงินลงทุน การกำหนดหลักการเงื่อนไขต่างๆ ที่ไม่ได้ออกหนังสืออย่างเป็นทางการ สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับรวมไปถึงค่ายรถยนต์ที่ทำเฟส 1 ไปแล้วต้องการต่อยอดเฟส 2 ซึ่งล้วนไม่มีความชัดเจนหากไม่ออกหนังสือเป็นทางการ เอกชนมีความเห็นตรงกันว่ารัฐไม่มีความชัดเจนและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา  ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูรประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าในนามของภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐออกนโยบายที่ชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีหากออกเงื่อนไขมาแล้ว ก็อย่างเปลี่ยนแปลงบ่อย อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะเดินไปในทิศทางเดียวกันขณะเดียวกันมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังมีอัตราการเติบโตได้อีกเพราะอัตราการครอบครองรถของคนไทย 8-9คนต่อ1คัน เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกันทางทวีปอเมริกาและ ยุโรปอยู่ที่ 2 คนต่อ 1 คัน  ที่ผ่านมาตลาดนี้สามารถเติบโตได้ทั้งการขายในประเทศ และส่งออก “เชื่อว่าอีโคคาร์จะเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนตัวที่2 ต่อจากรถกระบะ เห็นได้จากกำลังการผลิตปี 56 คาดว่าอยู่ที่ 437,000 คัน จำหน่ายในประเทศ 248,000 คัน และส่งออก 189,000 คันเชื่อว่าอีโคคาร์จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยผลิตรถได้ 3 ล้านคันในอีก 5-6ปีข้างหน้า หากไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นเสียก่อน”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บีโอไอพลิ้วเงื่อนไขอีโคคาร์เฟส2

Posts related