นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท. และบริษัทในเครือได้ดำเนินการแจ้งความและเตรียมฟ้องร้องทางแพ่งและอาญากับแกนนำ และกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ปิดล้อมพื้นที่ศูนย์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์(เอนโก้) ซึ่งเป็นที่ตั้งกระทรวงพลังงานและปตท.จนทำให้พนักงานกว่า 1,000 คน ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ โดยขณะนี้มีหลักฐานชัดเจน ทั้งรูปถ่ายและอื่นๆ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายที่จะฟ้องร้องเรียกคืน ขณะเดียวกันกลุ่มชาวบ้าน และร้านค้าย่อยรอบอาคารเอ็นโก้ได้ไปยื่นหนังสือต่อศรส.เพื่อแจ้งผลกระทบจากการชุมนุมปิดพื้นที่แล้วนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ผู้เช่าอาคารเอ็นโก้ยังต้องเสียค่าเช่าตามสัญญาที่ตกลงไว้ เช่น กระทรวงพลังงาน ต้องจ่ายค่าเช่าให้เอ็นโก้ 50-60 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ในผู้ค้า และเครือปตท. ยังต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในอัตราปกติเช่นกัน แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปใช้อาคารได้ จึงขอวิงวอนให้มีการเปิดทางให้เข้าไปทำงานได้โดยเร็วส่วนกรณีที่กลุ่มกองทัพประชาชน และเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย(กปท.) ได้เสนอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกลงทันที 5 บาทต่อลิตรโดยเฉพาะน้ำมันกลุ่มเบนซินนั้นเห็นว่า แนวทางดังกล่าวหากดำเนินการจริงจะต้องคำนึงถึงผลกระทบหลายด้านเพราะการพูดนั้นจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าทำแล้วจะเป็นอย่างไรจะต้องพิจารณาด้วย“ หากจะปรับลดราคาน้ำมันลงทันที 5 บาทต่อลิตรจะต้องคำนึง คือ จะให้ปตท.ลดราคาเพียงรายเดียวหรือไม่แล้วผู้ค้าที่เหลือโดยเฉพาะต่างชาติไม่ต้องลดเชลล์ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ ไม่ลดก็ต้องเจ๊ง เพราะคนจะแห่ไปใช้ปตท.ก็จะกลายว่าปตท.ผูกขาดเข้าไปอีก และการปรับลดนั้นจะลดจากส่วนไหนเพราะหากลดส่วนที่เป็นภาษีสรรพสามิตและภาษีฯอื่นๆนั่นหมายถึงกระทรวงการคลังจะขาดรายได้เข้ารัฐที่จะเป็นงบประมาณแผ่นดินลดลงทันที แต่หากลดจากเนื้อน้ำมันภายใน3-5 วันโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเจ๊งหมดแน่”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปตท.เตรียมฟ้องม๊อบทั้งแพ่ง-อาญา

Posts related