วันนี้ (29ส.ค.) ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล พญาไท กระทรวงพลังงานจัดสัมมนา เรื่อง ทิศทางพลังงานไทย โดยมี ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้ภายในงานได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ทั้ง5ภาคทั่วประเทศ เพื่อประกอบการจัดทำแผนใช้พลังงานไฟฟ้า(พีดีพี)ในระยะเวลา 20 ปี(2558-2579) โดยมีคณะกรรมการ 9 ชุด โดยข้อมูลที่ได้จะนำเสนอรัฐบาลในเดือนตุลาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยใช้พลังงานมูลค่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.5 ต่อปี ตั้งเป้าลดเหลือ ร้อยละ 2 ต่อปี และจำเป็นต้องลดใช้ก๊าซธรรมชาติ จาก 67%ให้เหลือ 30-33 % โดยการผลักดันพลังทดแทน ในตอนนี้ประเทศไทยใช้พลังงานทดแทนเพียง 25 % โดยอนาคตมีเป้าหมายใช้ 30-35% ทั้งนี้จะผลัดดันถ่านหินในภาคใต้ และนำขยะมาแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าที่จะใช้ได้ถึง 20 ปี เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟ้ฟ้าในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
ดร.อารีพงศ์ กล่าวว่า ในอนาคตกรุงเทพฯ จะมีรถไฟใต้ดินเพิ่มอีก 10 สาย และจะมีรถไฟความเร็วจากกรุงเทพฯ-ขอนแก่น โดยใช้ระบบไฟฟ้าทั้งหมด ดังนั้นกำลังการใช้ไฟฟ้าจะมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมองหาพลังงานทดแทนเพื่อให้ใช้ได้ 20 ปี และลดการใช้พลังงานน้ำมัน ที่กว่า 80 % ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยนำถ่านหินจากภาคใต้มา และขยะแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าในอนาคตสำหรับการปรับลดราคาน้ำมัน (วานนี้ 28 ส.ค.) เป็นความพยายามทำให้การจัดเก็บภาษีน้ำมันมีความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาได้เก็บภาษีราคาน้ำมันเบนซินสูงเกิน เพื่อพยุงราคาน้ำมันดีเซล แต่ผู้ที่ใช้ดีเซลส่วนใหญ่เป็นภาคอุตสาหกรรม จึงปรับลดเพื่อให้ความเป็นธรรมมากที่สุด ทั้งนี้การปรับลดราคาน้ำมันในครั้งนี้ทำให้ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์กว่า 20 ล้านคันได้ประโยชน์ และไม่มีผลกระทบต่อกลไกลภาษีน้ำมัน โดยกองทุนน้ำมันยังมีความจำเป็นเพราะเป็นการดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันของผู้บริโภค

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปลัดก.พลังงานแนะไทยต้องหาพลังงานทดแทน

Posts related