กว่า 4 เดือนแล้ว ที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “ทหาร” ที่บรรดาสารพัดโพลต่างการันตีจากผลสำรวจประชาชนว่าทหารสามารถคืนความสุขให้กับปวงชนชาวไทยได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะความพยายามในการผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหลายฝ่ายต่างยืนยันตัวเลขที่สอดคล้องกันว่าภายในปี 57 นี้ เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 2% ก่อนปรับตัวดีขึ้นในปี 58 ที่เบื้องต้นในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ประมาณ 3.5-4.5% เป็นอย่างน้อยแน่นอน“การค้าชายแดน” ถือเป็นอีกหนึ่งในเป้าหมายหลักที่รัฐบาลภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ได้หมายมั่นปั้นมือให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่จะเข้ามาช่วยพยุงระบบเศรษฐกิจ หลังจากที่การส่งออกของไทยยังอยู่ในอาการที่ไม่ดีนัก ที่ประเมินกันว่าการส่งออกไทยในปีนี้คงเติบโตได้ไม่เกิน 3%เป้าหมายของการค้าชายแดนครั้งนี้…อย่างน้อยต้องให้แตะ 1 ล้านล้านบาท แม้ว่าการค้าชายแดน อาจเป็นเพียงแค่เฟืองตัวเล็ก ๆ แต่หากพิจารณาตัวเลขในแต่ละปีแล้วพบว่ามูลค่าการค้าชายแดน มีตัวเลขสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 15-20% โดยในปี 56 มีมูลค่าสูงถึง 9.24 แสนล้านบาท ขณะที่ในเดือน ม.ค.-พ.ค. 57 มีมูลค่าการค้ารวมแล้ว 4.05 แสนล้านบาท ทั้งที่เป็นช่วงที่ไม่ปกติทางการเมือง โดยการค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียนั้น มีมูลค่ามากเป็นอันดับหนึ่งของการค้าชายแดนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการค้ามากถึง 2.15 แสนล้านบาทปรับปรุงด่านชายแดนด้วยเหตุที่มูลค่าสูงและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลได้สั่งการมาตั้งแต่สมัยเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช. ให้ทุกหน่วยงานเร่งปรับปรุงเรื่องของการค้าชายแดนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะด่านศุลกากรที่ถือเป็นหน้าด่านการค้าแรกของไทย ซึ่งปัจจุบันไทยมีด่านชายแดนอยู่ครอบคลุม 25 จังหวัด เป็นด่านถาวร ประมาณ 33 แห่ง ที่เหลือเป็นด่านผ่อนปรน และด่านชั่วคราว ล่าสุดทั้งคสช.และรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณให้กรมศุลกากรเร่งดำเนินการเดินหน้าพัฒนาด่านในระยะแรก 5 ด่านเริ่มตั้งแต่ด่านแม่สอด จังหวัดตาก ด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ด่านคลองใหญ่ จังหวัดตาก ด่านมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร และด่านสะเดากับด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา จากนั้นในระยะต่อไป ค่อยขยับหันมาพัฒนาด่านเพิ่มเติมกันอีก 7 ด่านโดยด่านที่สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขให้เสร็จก่อน คือ ด่านศุลกากรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นด่านชายแดนไทย- มาเลเซียที่สำคัญที่สุด เพราะมีมูลค่าสินค้าผ่านแดนสูงถึงปีละ 3 แสนล้านบาท และยังมีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออก ปีละ 4.7 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึงสองหลักทุกปีแม้ด่านทั้ง 5 แห่งจะสร้างมูลค่าการค้าขายให้มาก แต่ด้วยสารพัดปัญหาทำให้การค้าการขายนั้นไม่สะดวก โดยเฉพาะความแออัดของสินค้า หรือแม้แต่จำนวนประชาชนที่เดินทางผ่านแดน ที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการนำระบบไอทีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ปั้นเขต ศก.พิเศษไม่เพียงแค่การแก้ไขปัญหาในเรื่องด่านการค้าชายแดนเท่านั้น แต่ทั้งรัฐบาลทั้ง คสช.ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้วยเช่นกัน โดยไฟเขียวให้ดำเนินการในพื้นที่นำร่อง 5 แห่งริมชายแดน คือ ด่านแม่สอด จังหวัดตาก ด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ด่านคลองใหญ่ จังหวัดตาก ด่านมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร และด่านสะเดากับด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ซึ่งมีมูลค่าการค้ารวมกันมากถึง 6.56 แสนล้านบาท ตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนการค้าชายแดนให้ได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทดันรถไฟทางคู่เชื่อมนอกจากการเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง ที่ล่าสุดได้มีการสั่งการให้เดินหน้าในโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 887 กิโลเมตร วงเงินรวม 1.27 แสนล้านบาทไปแล้ว ทั้งเส้นทางคู่สายชุมทางจิระ-ขอนแก่น, ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร, นครปฐม–หัวหิน, มาบกะเบา–นครราชสีมา, ลพบุรี-ปากน้ำโพ และหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วางเป้าหมายสร้างเสร็จในปี 63 เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากถนนริมชายแดนมายังเส้นทางรถไฟ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งให้กับผู้ประกอบการได้ขณะเดียวกันยังได้ปรับแผนโครงการรถไฟความเร็วสูง มาสร้างทางคู่ที่ใช้รางขนาดมาตรฐาน ขนาด 1.435 เมตร 2 เส้นทาง คือ เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงิน 3.92 แสนล้านบาท และเส้นทางเชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงิน 3.48 แสนล้านบาท เพื่อรองรับระบบรถไฟความเร็วสูงจากจีนที่เชื่อมโยงมายังชายแดนไทยจี้แก้ลักลอบนำเข้า

แม้ว่ารัฐบาลได้ลงทุนลงแรงเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง เพื่อผลักดันให้การค้าชายแดนคล่องตัวมากขึ้น แต่ยังมีเรื่องของการแก้ไขปัญหาลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อน สินค้าไม่มีคุณภาพ ที่ยังทะลักทลายเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันดูแลกันอย่างจริงจังและให้มีประสิทธิภาพควบคู่กันไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้นการผลักดันให้การค้าชายแดนเติบโตอย่างก้าวกระโดด อาจกลับกลายมาเป็นหอกทิ่มแทงตัวเองก็เป็นไปได้อย่างไรก็ตามนับจากนี้คงต้องจับตาดูว่าการบ้านใหญ่ชิ้นนี้จะเดินทางไปถึงดวงดาวตามที่หัวหน้ารัฐบาลได้พยายามผลักดันหรือไม่!.วสวัตติ์ โอดทวี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปั้นค้าชายแดน1ล้านล้าน เป้าหมายใหม่พยุงส่งออก

Posts related