นางอรรชกา สีบุญเรืองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(อิสเมด) วางแนวทางผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่นอาเซียนโดยสร้างการรับรู้ลักษณะเด่น 5 ย่านการค้าแฟชั่นที่สำคัญได้แก่ ย่านการค้าจตุจักร, ย่านการค้าเทอร์มินัล21 ,ย่านการค้าเสื้อผ้ามุสลิมมีนบุรี,ย่านการค้าสำเพ็ง และย่านการค้าผ้าไหมปักธงชัยให้ชาวต่างชาติรู้จัก และสร้างการรับรู้ผ่านเครือข่ายต่างๆว่าถ้าต้องการสินค้าแฟชั่นประเภทไหน จะหาซื้อสินค้านั้นในย่านการค้าแห่งใดเนื่องจากอุตฯแฟชั่นของไทย มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของต่างชาติหากสร้างการรับรู้เพิ่มเติมจะช่วยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนสำหรับความโดดเด่นการค้าทั้ง 5 ย่านที่ต้องการตอกย้ำให้ชาวต่างชาติรู้จัก คือ ย่านจตุจักรเป็นศูนย์รวมสินค้าสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งชาวไทยหรือต่างชาติซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการเสื้อผ้าเครื่องหนังและเครื่องประดับที่ชื่นชอบงานรูปแบบสตรีท อาร์ท แฟชั่นและยังมีการออกแบบและการผลิตครบวงจร ,ย่านการค้าเทอร์มินัล21เป็นศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพมหานครที่รวบรวมสินค้าแบบมาร์เก็ตสตรีทจากทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวเกิดจากการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการแบรนด์ไทยที่มีสไตล์โดดเด่นมีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพนอกจากนี้ยังมีย่านการค้าเสื้อผ้ามุสลิมมีนบุรีเกิดจากการรวมตัวของผู้ประกอบการตัดเย็บเสื้อผ้าของชาวมุสลิมที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและชุดที่ใช้สวมใส่ในชีวิตประจำวันทั้งชายและหญิง ที่จะเติบโตในอนาคต , ย่านการค้าสำเพ็งเป็นย่านการค้าที่รวบรวมผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าและส่วนประกอบเพื่อการผลิตเครื่องแต่งกายที่หลากหลายและย่านการค้าผ้าไหมปักธงชัยเป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมีสัดส่วนถึง 80% ของทั้งหมดซึ่งจังหวัดนครราชสีมาถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการผลิตผ้าไหมสูงสุดในภาคอีสาน“ อุตสาหกรรมแฟชั่นมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมเพราะมีบทบาทต่อการจ้างงานกว่า 2.2 ล้านคนและสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้มากกว่าปีละ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 10% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดโดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มฟุ่มเฟือยจะกลับมาได้รับความนิยมตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นกสอ.จึงกระตุ้นอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เกิดการพัฒนาเหนือคู่แข่งในอาเซียนมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับสินค้าอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย”นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุลผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (อิสเมด)กล่าวว่า สถาบันฯตั้งเป้าสร้างเครือข่ายด้วยการสร้างความคุ้นเคยในกลุ่มเพื่อผลักดันให้เกิดการรวมตัวกัน 5 เครือข่ายจาก 5 ย่านการค้าสร้างสมาชิกในเครือข่ายกว่า 75 กิจการเพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ 30 ต้นแบบเครือข่ายละไม่น้อยกว่า 6 ต้นแบบ ซึ่งจะสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมจากต้นน้ำถึงปลายน้ำคาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมเพิ่มอีกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 75 ราย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปั้น5ย่านการค้าดันไทยแฟชั่นอาเซียน

Posts related