นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่า ป.ป.ช.มารับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของกระทรวงพาณิชย์ ที่พรรคฝ่ายค้านร้องเรียนป.ป.ช.ว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น โดยเอกสารที่มารับจากอคส.เป็นใบขนย้ายข้าวในสต๊อกรัฐออกจากโกดังกลาง ซึ่งป.ป.ช.ได้ขอจากอคส.มาแล้วกว่า 5 เดือน แต่ยังไม่ได้จัดส่งให้ โดยอ้างว่า กำลังรวบรวมเอกสารอยู่                     ทั้งนี้ อคส.ระบุว่า การขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลชุดนี้ให้กับรัฐวิสาหกิจจีน มีการขนข้าวออกจากโกดังทั่วประเทศ 180 ครั้ง ซึ่งป.ป.ช.ได้สุ่มตรวจใบขนย้ายจากโกดังทั่วประเทศ 34 แห่ง แต่ก่อนหน้านี้ อคส.ได้จัดส่งให้แล้ว 7 แห่ง และครั้งนี้ได้ส่งให้เพิ่มอีก 10 แห่ง รวม 17 แห่ง ส่วนทีเหลือคาดจะส่งให้ในเร็วๆ นี้              ”การตรวจสอบใบขนย้าย เพื่อให้รู้เส้นทางของข้าว ที่กระทรวงพาณิชย์บอกว่าขายจีทูจีให้กับรัฐวิสากิจของจีนนั้น ขายให้จริงหรือไม่ ได้มีการขนข้าวออกจากโกดังเพื่อส่งออกให้จีนจริงหรือไม่ หรือมีการนำข้าวมาวนขายในประเทศหรือไม่ รวมทั้งให้รู้เส้นทางของเงินที่นำมาซื้อข้าวว่ามาจากไหน ซึ่งเมื่อได้เอกสารครบถ้วนแล้ว ต่อไปจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของโกดังที่อคส.ขนข้าวออก หัวหน้าคลังสินค้าของอคส.ที่ดูแลโกดังนั้น เป็นต้น มาให้ปากคำ”                 นายวิทยา กล่าวว่า การตรวจสอบคดีนี้จะสรุปผลได้เมื่อไร คงต้องขึ้นอยู่กับเอกสาร และพยานบุคคลที่ตรวจสอบเพิ่มเติม หากมีเอกสารและพยานเพียงพอ ก็จะชี้มูลได้ในเร็วๆ นี้ โดยหากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายมีการทุจริตจริง ป.ป.ช.จะแจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ หากเป็นข้าราชการประจำ จะแจ้งต้นสังกัดให้พิจารณาเอาผิดทางวินัย และฟ้องศาลฎีกาให้เอาผิดทางอาญาด้วย และหากเป็นข้าราชการการเมือง จะแจ้งความดำเนินคดีกับศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง                 ด้านนายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการ อคส.กล่าวว่า  ได้ชี้แจ้งป.ป.ช. ว่าพร้อมให้ความร่วมมือ และสั่งการให้รองผู้อำนวยการ อคส.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดส่งเอกสารให้ป.ป.ช.ตามที่ได้ขอมา อย่างไรก็ตาม ตนเพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการอคส.ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น กรณีที่ป.ป.ช.ระบุว่าได้ขอข้อมูลมาแล้ว 5 เดือนแต่อคส.ยังไม่ได้ส่งให้ ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตนเป็นผู้อำนวยการ อีกทั้งตนไม่ได้ดูแลสัญญาขายข้าวจีทูจีในล็อตดังกล่าว และที่ผ่านมา อคส. มุ่งทำตามนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ทำให้ต้องใช้บุคคลจำนวนมาก จนจัดส่งเอกสารให้ล่าช้า                   ส่วนนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงการที่ป.ป.ช.ระบุจะเรียกข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวจีทูจีให้กับรัฐวิสาหกิจไปสอบปากคำเพิ่มเติม และขอเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมว่า กรมฯให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่มาโดยตลอด ไม่ได้ปิดบังอยู่แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ให้ความร่วมมือดีเช่นกัน ซึ่งมั่นใจว่า การขายข้าวจีทูจีให้กับจีนดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส                 ขณะที่นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน และอคส.ให้ข้อมูลแก่ป.ป.ช.ตามที่ขอมา  และต้องพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้ป.ป.ช. และสาธารณชนเข้าใจ เพราะประเด็นที่มีการตรวจสอบเรื่องวิธีการขายข้าวจีทูจีนั้น มีหลายวิธี ต้องแยกแยะให้ถูกต้อง โดยการขายข้าวจีทูจีไม่ใช่เป็นการขายข้าวจากรัฐบาลผู้ขายให้รัฐบาลผู้ซื้อแบบเดียว แต่มีหลายแบบ เช่น มีการขายหน้าคลังสินค้า โดยผู้ซื้อต้องหาผู้ปรับปรุงคุณภาพ และส่งมอบเอง หรือการขายแบบ ณ ท่าเรือ (เอฟโอบี) คือ ผู้ขายจะจัดหาผู้ปรับปรุงและรับผิดชอบการจัดส่งให้ผู้ซื้อจนถึงท่าเรือ หรือการขายแบบซีไอเอฟ ที่ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบข้าวจนถึงปลายทาง ส่วนระยะเวลาในการส่งมอบ ถ้าสั่งซื้อมาก 1-2 ล้านตัน ก็ต้องให้เวลาในการรับมอบข้าวนาน เช่น 5 ปี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ป.ป.ช.ขอเอกสารจำนำข้าวเพิ่ม

Posts related