นายนพพร เทพสิทธาประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกได้เตรียมแผนรับมือการส่งสินค้าจากปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยการขอเจรจากับลูกค้าต่างประเทศด้วยการขอเลื่อนหรือชะลอการส่งมอบสินค้าตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปเพื่อป้องกันกรณีที่เกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงจนไม่สามารถส่งสินค้าตามตามกำหนดเนื่องจากการส่งสินค้าตรงหรือไม่ตรงเวลาจะเป็นความน่าเชื่อถือสำคัญในการทำธุรกิจ “วิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศครั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรกดังนั้นผู้ส่งออกต่างก็มีประสบการณ์ในการเตรียมการรับมือบวกมาแล้ว โดยเฉพาะประสบการณ์เหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 ซึ่งมาตรการที่ใช้เช่น เลื่อนหรือชะลอการส่งมอบสินค้าตามความเหมาะสมของแต่ละสินค้าและผู้สั่งซื้อ” อย่างไรก็ตามยอมรับว่าขณะนี้ผู้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศมีความกังวลและได้สอบถามเข้ามาว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดที่ตกลงไว้หรือไม่ซึ่งผู้ส่งออกไทยยืนยันว่าจะส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดแต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ซื้อในต่างประเทศบางรายอยู่ในภาวะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทำให้บางรายอาจลดความเสี่ยงด้วยการกระจายแหล่งซื้อสินค้าไปยังประเทศคู่แข่งของไทยได้ใน 3กลุ่มสินค้าคือ อาหาร สิ่งทอและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถนำเข้าทดแทนจากคู่แข่งได้ นายนพพร กล่าวว่า สภาฯ ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้4ระดับ ระดับแรกการชุมนุมเริ่มส่งผลต่อการขนส่งสินค้าและการทำธุรกรรมให้ชะลอลงหรือหยุดชะงัก ชั่วคราว  ระดับ 2ผลกระทบต่อการส่งออกให้หายไปในทันทีทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่นแต่เป็นระยะสั้น  ส่วนระดับ3มีปัญหาจนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้การส่งออกเริ่มมีปัญหามากขึ้นเพราะกฎระเบียบบางอย่างต้องพึ่งพานโยบายภาครัฐและระดับ 4การชุมนุมไม่มีทีท่าว่าจะจบและมีแนวโน้มยืดเยื้อจนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้หรือมีรัฐบาลแล้วก็ยังคงมีปัญหาจะส่งผลถึงความเชื่อมั่นกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าห่วงที่สุดแต่ขณะนี้ประเมินสถานการณ์อยู่ระดับ1 นายอัทธ์ พิศาลวานิชคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกไทยในไตรมาสที่1ปี 57คาดว่าจะมีมูลค่า55,800-57,800 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน1.5-1.9%ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง4ไตรมาสติดต่อกันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่เต็มที่และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนการส่งออกตลอดทั้งปี57คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ3.88%หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 233,000– 241,000ล้านเหรียญสหรัฐ  โดยในไตรมาส 2ส่งออกขยายตัวเป็นบวก4%ในไตรมาส 3 ขยายตัว 7% และ ขยายตัว10%ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการประเมินบนพื้นฐานเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในไตรมาส2 การชุมนุมทางการเมืองและมีรัฐบาลในไตรมาส2 ค่า บาทอ่อนค่าไม่เกิน34บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกอยู่ระหว่าง95-104ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และเศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ต่ำกว่า4% “ภาพรวมส่งออกปี 57จะดีขึ้นกว่าปี56ที่ติดลบ0.25% และโดยคาดว่าปี57จะขยายตัวช่วง2.06-5.60%ซึ่งมีโอกาสมากสุดที่จะขยายตัว3.88% หรือมีมูลค่า237,000ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย ปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกปีนี้อันดับแรกคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกความผันผวนของค่าเงินเงินเฟ้อตลาดโลกและปัญหาการเมืองกระทบต่อความเชื่อมั่นการบริโภคลงทุน และท่องเที่ยวลดลง”  แม้ว่าสถานการณ์การเมืองภายในประเทศจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้าทำให้เกิดความกังวลต่อการส่งสินค้าของประเทศไทยว่าจะสามารถทำได้ตามกำหนดหรือไม่และคู่ค้าอาจปรับเปลี่ยนคำสั่งซื้อสินค้ากับประเทศอื่นๆในอาเซียนแทน ทั้งนี้ต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ความสามารถในการส่งออกสินค้าไทยให้กับประเทศคู่ค้ามั่นใจในการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องและหากไม่มีสถานการณ์ทางการเมืองเชื่อว่าการส่งออกของไทยจะสามารถขยายตัวได้ดีขึ้น สำหรับปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนให้กับการส่งออกไทยมากนักเนื่องจากเป็นการอ่อนค่าตามภูมิภาคและประเทศคู่แข่งบางประเทศของไทยค่าเงินอ่อนค่าลงมากกว่าประเทศไทยดังนั้นคาดว่าปี 57ค่าเงินบาทของไทยจะอยู่ในช่วง32.07- 34.24 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 33.16บาทต่อเหรียญสหรัฐอ่อนสุดในรอบ 5ปี อ่อนค่าลง7.90%จากปีที่ผ่านมา “โดยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงมาอยู่ในช่วง32.95-35.35บาทต่อเหรียญสหรัฐหรือเฉลี่ยอยู่ที่ 34.15บาทต่อเหรียญสหรัฐและมีโอกาสอ่อนค่าลงไปแตะที่ระดับ35บาทต่อเหรียญสหรัฐได้”                

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ผู้ส่งออกขอเลื่อนส่งสินค้า

Posts related