นายชัชชาติสิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคมเปิดเผยถึงการดำเนินโครงการตามร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศพ.ศ….หรือพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านบาทหลังยุบสภาว่าขั้นตอนหลังจากนี้ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นให้พิจารณาว่าร่างดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่หากวินิจฉัยแล้วให้เดินหน้าต่อไปได้ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาพิจารณาว่าควรนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายหรือไม่หากไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯก็ถือว่าร่างพ.ร.บ.จะตกไปทันที อย่างไรก็ตามขั้นตอนการพิจารณาพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านบาทได้ผ่านการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร์และวุฒิสภาโดยสมบูรณ์แล้วการยุบสภาจึงไม่เกี่ยวข้องในส่วนนี้เหลือเพียงแค่รอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญและเป็นอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาลใหม่เท่านั้น  ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินโครงการภายใต้ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านบาทมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศอย่างมากซึ่งที่ผ่านมาได้ศึกษามาอย่างต่อเนื่องบางโครงการทำมานานหลายปีแล้วแต่เพิ่งนำมาบรรจุไว้ในพ.ร.บ.นี้เพื่อให้การดำเนินงานรวดเร็วและต่อเนื่องเท่านั้นซึ่งปัจจุบันทุกโครงการยังมีการศึกษารายละเอียดการของโครงการตามต่อไปยังไม่มีโครงการไหนหยุดชะงักเพราะขั้นตอนการศึกษารายละเอียดต่างๆยังไม่ได้ใช้เงินกู้จากพ.ร.บ.นี้ นายจุฬาสุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)กล่าวว่าสนข.จะยังเดินหน้าศึกษาการดำเนินโครงการต่างๆภายใต้ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านต่อไปเพราะการศึกษารายละเอียดการดำเนินโครงการเป็นสิ่งที่สามารถทำต่อได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับการยุบหรือไม่ยุบสภาของรัฐบาลประกอบกับการดำเนินงานในแต่ละโครงการเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาในการศึกษาเป็นนานดังนั้นจำเป็นที่สนข.จะเร่งศึกษาการดำเนินโครงการให้ต่อเนื่องและแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดเพื่อเตรียมความพร้อมดำเนินโครงการได้ทันทีหาก พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านขบวนการของศาลรัฐธรรมนูญไปได้ นายอำพนกิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า การประกาศยุบสภาของรัฐบาลไม่มีผลต่อพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านเพราะขั้นตอนสำคัญที่สุดในขณะนี้คือรอฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะประกาศรับหรือไม่รับวินิจฉัยคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์ที่ร้องให้ศาลวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้นซึ่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 154ระบุไว้ชัดเจนว่าหาก พ.ร.บ.ฉบับใดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลนายกรัฐมนตรีจะต้องชะลอการนำพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อรอให้ศาลตัดสินถึงที่สุดก่อนซึ่งที่ผ่านมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจชะลอนำพ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 28พ.ย.ที่ผ่านมาเพื่อรอฟังคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน “ตอนนี้ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวผมไม่อยากพูดหรือคาดเดาอะไรก่อนที่ศาลจะตัดสินหากศาลตีความว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมายก็จะเดินหน้าต่อไปได้ซึ่งตามขั้นตอนกฎหมายรัฐบาลรักษาการสามารถที่นำขึ้นทูลเกล้าได้แต่โดยมารยาททางการเมืองแล้วรัฐบาลจะไม่ทำอาจต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจเต็มเป็นผู้ตัดสินใจเอง” ทั้งนี้ในส่วนกรณีที่หลายฝ่ายออกมาระบุว่ากฎหมายดังกล่าวอาจไม่สามารถบังคับใช้ได้ เนื่องจากมาตรา 150แห่งรัฐธรรมนูญกำหนดว่ารัฐบาลต้องนำกฎหมายที่ผ่านสภาขึ้นทูลเกล้าฯภายใน20วันมิฉะนั้นจะถือว่ากฎหมายตกไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างนั้นจริงแต่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ในขณะนี้เป็นการพิจารณาโดยยึดกรอบมาตรา154คือต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนไม่ได้พิจารณาตามมาตรา 150ที่ระบุเรื่องของกรอบเวลาการนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้วจึงไม่มีการนำเงื่อนไขของระยะเวลาการนำขึ้นทูลเกล้าฯเข้ามาพิจารณาแต่อย่างใด

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พรบ.2 ล้านล้านเคว้ง

Posts related