นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทา พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (จำกัด) มหาชน เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท ไทยพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ด้วยการแลกหุ้น (แชร์สวอป) 1,800 ล้านบาท โดยบริษัทขายที่ดิน 4 แปลง มูลค่า 3,570 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก แล้วไปซื้อไทยพร๊อพฯ ซึ่งทำให้ได้บริษัทลูกคือ แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มาด้วย คาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.นี้ จากนั้นจะปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพิ่มส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า และโรงแรมเข้ามา 18% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ขณะที่สินทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุด ยังมีสัดส่วนมากที่สุด 63%“การเจรจาเพื่อซื้อกิจการครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน และขยายธุรกิจ เพิ่มความมั่นคงของกระแสรายได้ ซึ่งมีเพิ่มมาจากธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม ถือเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง จึงได้เริ่มเจรจาและดำเนินการเพียงเดือนเศษ เพราะสนใจสนใจสินทรัพย์ของแกรนด์ฯ ที่ไทยพร็อพฯ ถือหุ้นอยู่ 40% เนื่องจากมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงซ่อนอยู่ และแกรนด์มีแผนที่จะสร้างคอนโดมิเนียมระดับบน (ไฮเอ็นด์) อีก ซึ่งมีโอกาสที่จะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และแทบไม่มีหนี้เลย มีแต่รายได้ประจำจากธุรกิจโรงแรม ที่สำคัญ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติ และมีโครงการเกาะแนวรถไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้บริษัทมีโครงการในใจกลางเมืองเพิ่มขึ้นด้วย”การควบรวมกิจการครั้งนี้ มีผลทำให้บริษัทก้าวกระโดดขึ้นเป็นบริษัท 1 ใน 5 อันดับแรก ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทั้งด้านมูลค่าสินทรัพย์ จาก 30,668 ล้านบาท เป็น 45,224 ล้านบาท ทำให้รายได้ปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 15,992 ล้านบาท เป็น 22,176 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 8,646 ล้านบาท เป็น 16,392 ล้านบาท ขณะที่ภาระหนี้สินที่มี ดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนลดลงเหลือ 1.33 เท่า อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในอนาคตด้วย เพราะทำให้บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์ และรายได้ที่หลากหลายขึ้น ทั้งโครงการแนวราบ คอนโดมิเนียม คอนโดกลางใจเมือง สำนักงานให้เช่า และโรงแรม โดยเพอร์เฟ็คฯ จะเข้ามาถือหุ้นในแกรนด์ฯ 40% และถอนไทยพร็อพฯ ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)จากนี้ไป เชื่อว่าจะเห็นรายได้รวมแต่ละปีของบริษัทไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% หลังปรับโครงสร้างธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป ซึ่งจะทำให้สัดส่วนที่ดินรอการพัฒนาลดลงจากปัจจุบันสูงถึง 25% ของสินทรัพย์เหลือเพียง 19% และในอีก 3 ปีข้างหน้าจะลดเหลือ 14-15% เรียกว่าเข้าสู่ความสมดุล และครึ่งปีหลังนี้ยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด แต่ขณะเดียวกัน ก็กำลังเจรจาที่จะร่วมทุนกับนักลงทุนญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาในการบริหารโรงแรมโรโระ รีสอร์ท จากเดิมที่ตั้งใจจะขายออกไป แต่มาเปลี่ยนแผนร่วมทุนแทน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟค ซื้อกิจการ ไทยพร็อพเพอร์ตี้

Posts related