นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการพัฒนาอุตสาหกรรมการถ่ายทำภาพยนตร์ให้มีลักษณะแบบครบวงจร  เพื่อดึงรายได้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยเฉพาะจากวงการฮอลลีวูดที่มีค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งสูงถึง 40 ล้านบาทโดยเบื้องต้นหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย จะหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ด้านภาษีการลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมองว่าควรจะมีการสนับสนุนในเรื่อง ค่าตอบแทนสำหรับการมาใช้สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ (อินเซนทีฟ) เนื่องจากปัจจุบันประเทศต่างๆ ในเอเชีย ให้ผลตอบแทนสูงมาก เช่น สิงคโปร์ 40% ,มาเลเซีย 30%, ซึ่งในระยะยาวจะทำให้ไทยสูญเสียการได้เป็นเจ้าบ้านจัดงาน เพราะผู้จัดส่วนใหญ่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด “ขณะนี้ประเทศไทยถือเป็นเดสติเนชั่นสำคัญ ที่ผู้จัดงานส่วนใหญ่อยากจะมาใช้สถานที่ อย่าล่าสุด ก็มีภาพยนตร์เรื่อง ทรานฟอร์เมอร์ 4 ที่สนใจมาถ่ายทำ และเลือกประเทศไทย เป็นอันดับต้นๆ ของตัวเลือก แต่สุดท้าย ก็แพ้ ให้กับประเทศจีน ที่คาดว่าจะให้ค่าตอบแทนเรื่องอินเซนทีฟในราคาที่สูงกว่า” ด้านน.ส.อุบลวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์ กรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มถ่ายทำภาพยนตร์จากฮอลีวูด จะนิยมมองหาทีมงานภายในประเทศนั้นๆ เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทำโดยจะเน้นตั้งแต่ ตัวแสดงแทนไปจนถึงกลุ่มการทำโปรดักชั่นตัดต่อต่างๆ ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพมาก ซึ่งในระยะยาวเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลจะร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกระทรวงอุตสาหกรรมพัฒนา อุตสาหกรรมการถ่ายทำนี้ ส่วนการสนับสนุนเรื่องอินเซนทีฟ ขณะนี้ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่ให้อินเซนทีฟน้อย ซึ่งในอนาคตจะเป็นข้อเสียเปรียบหากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจเสรีอาเซียน(เออีซี) เพราะจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พัฒนาอุตฯถ่ายทำภาพยนตร์ครบวงจร

Posts related