นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นสักขีพยานพิธีลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตร ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนว่า ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับบริษัท เป่ย์จิง เกรท นอร์ทเทิร์น วิลเดอร์เนส ไรซ์ อินดัสทรีย์ สังกัดบริษัท เป่ยต้าฮวง กรุ๊ป ของกรมการเกษตร มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศจีน ประกอบด้วยการลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวขาว 5% และปลายข้าว รวม 1.2 ล้านตัน และมันสำปะหลังเส้น 90,000 ตัน โดยราคาที่ซื้อขายอิงตามราคาในตลาดโลก มีกำหนดส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งล็อตแรกจะส่งมอบภายในเดือนธ.ค.นี้ การลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวให้จีนครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการเดินทางไปเจรจาขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทย และกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และถือเป็นสัญญาซื้อขายข้าวระหว่าง 2 ประเทศสัญญาที่ 3 ของปีนี้ โดยสัญญาแรกเป็นสัญญาซื้อขายข้าวไทย 1 ล้านตัน ใน 5 ปี ระหว่างสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และรัฐวิสาหกิจของจีน ส่วนสัญญาที่ 2 เป็นสัญญาซื้อข้าวไทยแบบจีทูจี 1 ล้านตัน เริ่มส่งมอบปี 57 ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ และรัฐวิสาหกิจจีนที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางมาเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีน “การซื้อขายข้าวครั้งนี้ เป็นการซื้อหน้าคลังสินค้า (เอ็กซ์-แวร์เฮาส์) และซื้อตามราคาตลาดโลก โดยจีนได้เลือกผู้ส่งออกไทย 1 รายเป็นผู้ปรับปรุงข้าวและส่งออกไปยังจีน เบื้องต้นแม้ว่าราคาขายจะมีผลขาดทุนเมื่อเทียบกับราคารับจำนำ แต่รัฐบาลไม่ใช่พ่อค้า ที่ซื้อมาขายไปเพื่อเอากำไร อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่สามารถบอกราคาขายได้เพราะเป็นความลับ” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขายข้าวให้จีนครั้งนี้ อาจทำให้รัฐบาลขาดทุนเกือบ 50% จากต้นทุนข้าวที่รับซื้อจากโครงการรับจำนำข้าว เพราะขณะนี้ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยเฉลี่อยู่ที่ตันละ 430-440 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ต้นทุนการรับจำนำข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 15,000 บาท เมื่อคิดเป็นราคาส่งออกจะอยู่ที่ประมาณตันละ 800 เหรียญฯ น่าจะทำให้รัฐบาลขาดทุนตันละ 360-370 เหรียญฯ แต่การขายแบบจีทูจีนี้ แม้จะอ้างราคาตลาด แต่ความเป็นจริงส่วนใหญ่ก็จะต่ำกว่าราคาตลาดอยู่แล้ว สำหรับการที่จีนนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น เป็นเพราะผลผลิตข้าวของจีนเสียหายจากสภาพอากาศที่แห้งและจีนนำเข้าเพื่อส่งออกไปช่วยเหลือประเทศที่ 3 มากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกข้าว ด้านนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะเปิดระบายข้าวสต๊อกรัฐบาล 131,849 ตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 114,425 ตัน และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 17,424 ตัน ผ่าน เอเฟต โดยเปิดให้ผู้สนใจเสนอราคาส่วนต่าง (ค่าเบสิส) วันที่ 25 พ.ย.นี้ ถือเป็นการระบายข้าวรัฐผ่านเอเฟตเป็นรอบที่ 2 ในปีนี้ เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลมากกว่ารอบแรก ที่มีเพียง 5 รายเท่านั้น สำหรับสต๊อกข้าวไทยที่มีปริมาณมาก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีแรงกดดันที่จะต้องเร่งขายออก เพราะตลาดกำลังมีความต้องการข้าวจำนวนมาก จึงอยากฝากเอกชนอย่ารอเวลาว่ารัฐบาลจะขายข้าวราคาถูก เพราะนโยบายกระทรวงฯคือต้องการขายข้าวให้ได้ราคาดี ไม่เน้นที่ปริมาณ หากสามารถขายข้าวไทยในปริมาณมาก แต่ได้ราคาต่ำ ก็ไม่ต้องการ “เราส่งสัญญาชัดเจนว่าจะไม่ขายข้าวราคาต่ำแน่นอน เพราะไม่ได้ตั้งเป้าหมายเชิงปริมาณ แต่ต้องการให้ได้ราคาที่เหมาะสม รวมถึงการประมูลเอเฟตรอบนี้ด้วยที่ไม่เน้นเชิงปริมาณ”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พาณิชย์ขายข้าวให้จีน1.2 ล้านตัน

Posts related