นายกอบสิทธิ์  ศิลปชัย  ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจ และตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย  เปิดเผยว่า  ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายหรืออาร์พีหลังจากนี้ไป  คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% จนถึงสิ้นปีนี้    เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากแรงกดดันการเมือง ทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2 ครั้งที่ผ่านมาคือ คือวันที่ 27 พ.ย.56 และวันที่ 12 มี.ค.57  ไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากนัก เพราะการที่ไม่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศทำให้การลงทุนและการบริโภคชะลอตัวลง  โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ต้องจับตามองปัจจัยต่างประเทศ คือ แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ซึ่งอาจจะเริ่มขยับขึ้นในปลายปี 58  และการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคิวอีของสหรัฐในเดือนต.ค.นี้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรป  ซึ่งจะส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยด้วย ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นจะยังผันผวนตามกระเเสข่าวที่เกิดขึ้น ตามกรอบการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างกว้างที่ระดับ 1,250-1,350 จุด  ส่วนค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าที่ระดับ  33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปัญหาการเมืองและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเป็นผลมาจากการนำเข้าชะลอตัวลงหลังจากภาคเอกชนลดกำลังการผลิต “ การขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 1.8%  ภายใต้สมมติฐานว่าจะต้องมีรัฐบาลภายในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีโอกาสที่จีดีพีไตรมาส 2 จะหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1  เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ได้ข้อยุติ จนทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนอยู่ในภาวะชะงักงัน ดังนั้นจึงต้องหวังพึ่งภาคการส่งออกที่จะเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจให้ขยายตัว คาดว่าการส่งออกน่าจะฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3-4 โดยต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด  โดยประเมินว่าการส่งออกปีนี้จะโตไม่ต่ำกว่า 5%” ทั้งนี้ต้องติดตามท่าทีของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศที่ยังจับตาการเมืองไทย ถ้าหากการเมืองยังยืดเยื้อจะกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยอาจจะมีการทบทวนและลดมุมมองเรตติ้งจากสถานะมีเสถียรภาพ  เป็นเชิงลบ ซึ่งจะกดดันต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ และจะส่งผลกระทบให้ต้นทุนการกู้ยืมแพงขึ้น 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ฟันธงกนง.คงดอกเบี้ย2%ถึงสิ้นปี

Posts related