เมื่อวันที่ 14 ม.ค. พันธมิตรOpenComputing Alliance หรือOCAซึ่งเป็นการรวมตัวของประชาคมที่มีความสนใจร่วมเพื่อหารือร่วมกันเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเตือนชาวกรุงที่จำเป็นต้องทำงานที่บ้าน ในระหว่างการปิดกรุงเทพฯให้ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินธุรกรรมการเงินหรือธุรกรรมออนไลน์อื่นๆ โดยให้ใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ที่ผ่านการอัพเดตโปรแกรมรักษาความปลอดภัยล่าสุดแล้วเท่านั้นโดยระบุว่า การทำงานผ่านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและดีที่สุดเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ประสบเหตุการชุมนุมทางการเมืองขณะนี้คำเตือนระบุว่าการทำงานจากนอกสำนักงาน ด้วยคอมพิวเตอร์พีซีที่บ้านหรือสถานที่อื่นอาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมประเภทต่างๆและมีความเสี่ยงต่อระบบอีเมลของหน่วยงานและลูกต้าต่างประเทศโดยเฉพาะพนักงานที่ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนหรือใช้พีซีที่ไม่มีโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมทั้งนี้สำนักงานหลายแห่งในไทยมีระบบจัดการด้านไอทีที่ปลอดภัยแต่อาจเกิดช่องโหว่จากการให้พนักงานทำงานนอกสถานที่จึงควรกำหนดเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ที่ปลอดภัยไว้ในแผนรับมือเหตุฉุกเฉินด้วยไมเคิลมัดด์ เลขาธิการของ OpenComputer Alliance หรือ OCAประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า พนักงานที่ต้องทำงานที่บ้านหรือสถานที่อื่นๆนอกสำนักงาน ระหว่างการประท้วงในกรุงเทพฯอาจใช้พีซีที่ไม่ปลอดภัยจะทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้นจึงขอให้ใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ในการดำเนินธุรกรรมการเงินทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาชญากรรมให้น้อยที่สุดทั้งขอให้ทุกคนที่ทำงานที่บ้านระมัดะวังและปรึกษาผู้จัดการด้านไอทีเพื่อการใช้คอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัย”ก่อนหน้านี้สำนักงานสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ ของสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์เตือนว่าอาชญากรและแฮกเกอร์ได้ติดตั้งมัลแวร์ลงบนซอฟต์แวร์เถื่อนซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคสุ่มเสี่ยงต่ออาชญากรรมประเภทต่างๆโดยมัลแวร์บนซอฟต์แวร์เถื่อนทำเพื่อดักบันทึกชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านส่งผลให้ผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่างๆเช่น การต้มตุ๋นทางการเงิน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : มัลแวร์ซ้ำเติมคนกรุงยุคชัตดาวน์

Posts related